กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เสนอผลงานในโครงการพัฒนาพิเศษขนาดใหญ่ มุ่งขับเคลื่อนนโยบาย 3 ด้าน

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  โดย สวทช. ชู“วิทย์สร้างคน” เสนอผลงานในโครงการพัฒนาพิเศษขนาดใหญ่ มุ่งขับเคลื่อนนโยบาย 3 ด้าน คือ วิทย์สร้างคน วิทย์แก้จน และวิทย์เสริมแกร่ง เพื่อสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจประเทศ

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  เดินหน้า นโยบาย “วิทย์สร้างคน” เปิดตัว โครงการ Coding at School Powered by KidBright และโครงการโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม หรือ Fabrication Lab เพื่อพัฒนาทักษะความเป็นนวัตกรแก่เด็กและเยาวชนไทย”

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ได้ประกาศส่งมอบ KidBright บอร์ดสมองกลสัญชาติไทยที่ได้รับการขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย พัฒนาโดย เนคเทค-สวทช. จำนวน 200,000 ชุด แก่โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นของรัฐ 1,000 แห่ง โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์ประสานงานภูมิภาค 5 แห่ง ในโครงการ Coding at School Powered by KidBright พร้อมเร่งสนับสนุนให้เกิด “Fabrication Lab” ในสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ 150 แห่ง ทั่วประเทศ ด้วยความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยพี่เลี้ยง จำนวน 10 มหาวิทยาลัย ในโครงการ Fabrication Lab เพื่อช่วยส่งเสริมศักยภาพของเยาวชน ต่อยอดสู่การเป็นนักประดิษฐ์ และนักสร้างสรรค์สิ่งใหม่ นำพาประเทศสู่การเป็นประเทศโลกที่ 1 ในอนาคต พร้อมจับมือ กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมแสดงเจตจำนง ที่จะสนับสนุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ โครงการ Coding at School Powered by KidBright เนคเทค-สวทช. ได้จัดเตรียมบอร์ด KidBright จำนวน 200,000 บอร์ด พร้อมคู่มือการเรียนการสอน จะทยอยส่งให้โรงเรียนทั่วประเทศประมาณ 1,000 โรงเรียน ได้ใช้งานกัน พร้อมกับการเปิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ ระหว่างนักเรียน ครู และเหล่านักพัฒนา ที่เว็บไซต์ www.kid-bright.org โดยทุกโรงเรียนต้องส่งโครงงานเข้าร่วมแข่งขันอย่างน้อยโรงเรียนละ 3 โครงงาน และจะมีการแข่งขันในรอบสุดท้าย ภายในเดือนตุลาคม 2561 โดยในช่วงการจัดกิจกรรมจะมีการเดินสายจัดการอบรมให้กับตัวแทนศูนย์ประสานงานแต่ละภูมิภาคต่างๆ ซึ่งบุคลากรที่ได้รับการอบรมจะสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้การใช้งานบอร์ด และการเขียนโค้ด และสามารถให้คำแนะนำแก่ครูที่เข้าโครงการเพื่อนำไปสอนเด็กให้สร้างสรรค์ผลงานในการเข้าร่วมแข่งขันได้

สำหรับ Fabrication Lab นั้น สวทช. ได้จัดหาอุปกรณ์พื้นฐาน ในการออกแบบชิ้นงาน ที่นักเรียนสามารถจินตนาการและจัดทำชิ้นงานในรูปแบบ 3 มิติ คือ 3D printer ที่รองรับโปรแกรมออกแบบที่เป็น open source อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ เช่น กล้องจุลทรรศน์ เครื่องวัดแสง เครื่องมือพื้นฐานทางวิศวกรรม รวมทั้งเครื่องตัดแบบ laser และบอร์ดสมองกลฝังตัว และอุปกรณ์ตรวจวัด หรือ sensor ให้สถานศึกษาของรัฐที่เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษา วิทยาลัยเทคนิค และวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ และจัตุรัสวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ที่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งสิ้น 150 แห่ง โดยมีบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สวทช. เป็นศูนย์กลางการอบรมครูและนักเรียน ให้กับสถานศึกษาทั่วประเทศ ไม่จำกัดทั้งภาครัฐและเอกชน  โดยตั้งเป้าหมายให้มีนักเรียนเข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 15,000 คน ครู 1,000 คน มีวิศวกรพี่เลี้ยงประจำสถานศึกษา 150 คน ได้ชิ้นงานที่ใช้งานได้จริง 150 ชิ้นงาน และชิ้นงานที่ส่งประกวดในระดับภูมิภาค ระดับชาติ และนานาชาติ 300 ชิ้นงาน เกิดการสร้าง Makers Club ในสถานศึกษาที่เข้าร่วมในโครงการ

จากการดำเนินกิจกรรม ทั้ง 2 โครงการ ช่วยสร้างโอกาสให้เยาวชนเข้าถึงวิทยาศาสตร์ได้ง่าย และได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง นับจากนี้ ในแต่ละปีจะมีนักเรียนมากกว่า 1.5 ล้านคน เข้าถึงสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย มีโอกาสใช้เครื่องมือทางวิศวกรรมที่ครบครัน และช่วยให้เยาวชนเหล่านี้มีความมั่นใจ กล้าคิด กล้าลงมือทำ พร้อมก้าวสู่การเป็นนักพัฒนา นวัตกรที่สร้างสรรค์ และเป็นรากฐานสำคัญที่จะนำพาประเทศสู่ “Makers Nation” กุญแจสำคัญที่จะสร้างเศรษฐกิจชาติให้เข้มแข็งด้วยนวัตกรรมในศตวรรษที่ 21 ผลักดัน “ประเทศไทย 4.0” ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และสร้างชาติให้เข้มแข็งด้วยนวัตกรรมอย่างแท้จริง