จีนแชมป์ต่างชาติซื้อ ‘คอนโด’ พบสัดส่วนสูงถึง 50% ราคา 1.5-6 ล. JLL เผยลักชัวรี่ราคาขึ้นจิ๊บๆ 0.4%

จีนแชมป์ต่างชาติซื้อคอนโดใน กทม.มากสุดทั้งอยู่เองและเพื่อลงทุนทั้งคอนโดระดับกลางและบนราคา 1.5-6 ล้านบาท เผยคอนโดปรับขึ้นเฉลี่ย 8.3% แต่คอนโดหรูขึ้นเล็กน้อยแค่ 0.4% เหตุแข่งขันรุนแรง

นางสาวนนท์รภัส พรสินคุณานนท์ หัวหน้าฝ่ายบริการธุรกิจที่พักอาศัย บริษัท โจนส์แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือเจแอลแอล เปิดเผยว่า แม้รัฐบาลจีนจะยังคงใช้มาตรการคุมเข้มให้ประชาชนของตนนำเงินออกนอกประเทศได้ไม่เกินคนละ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.6 ล้านบาท ต่อปี แต่จากการสังเกตการณ์โดยบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล พบว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ได้ขยับขึ้นมาเป็นผู้ซื้อชาวต่างชาติที่มีสัดส่วนการซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ มากที่สุด โดยประเมินว่าราว 50% ของชาวต่างชาติที่ซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เป็นผู้ซื้อชาวจีน จากที่ก่อนหน้านี้บริษัทจีนเข้ามาเปิดธุรกิจในไทยจำนวนมาก และเป็นผู้เช่าใช้พื้นที่สำนักงานมากที่สุดเป็นอันดับ 3

นางสาวนนท์รภัส กล่าวว่า สำหรับคอนโดที่ชาวจีนนิยมซื้อส่วนใหญ่จะเป็นห้องชุดสตูดิโอและห้องชุดขนาดหนึ่งห้องนอน ในทำเลย่านรัชดาภิเษก-พระราม 9 ราคาระหว่าง 1.5-3 ล้านบาท โดยมีธนาคารต่างชาติและสถาบันการเงินของไทยบางแห่งที่มีนโยบายปล่อยกู้ให้กับชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อคอนโดในไทย โดยมีการกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ประกอบการพิจารณา อาทิ อายุของใบอนุญาตทำงานสำหรับบุคคลต่างด้าว และอายุสัญญาการว่าจ้างงานในประเทศไทย เป็นต้น อย่างไรก็ตามการซื้อคอนโดของชาวจีนนี้ทั้งซื้อเพื่อการลงทุนและพักเองในช่วงที่เดินทางมาท่องเที่ยวในไทย

“คอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ที่ชาวจีนนิยมซื้อ ไม่ว่าจะเพื่อลงทุน หรือใช้เป็นที่พักช่วงเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ส่วนใหญ่มีระดับราคาที่ประมาณ 6 ล้านบาทในทำเลย่านสุขุมวิท แต่ยังพบว่า มีเศรษฐีชาวจีนจำนวนมากขึ้นที่สนใจซื้อคอนโดมิเนียมกลุ่มลักชัวรี่และซุปเปอร์ลักชัวรี่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ และทำเลริมน้ำเจ้าพระยา” นางสาวนนท์รภัส กล่าว

นางสาวนนท์รภัส กล่าวว่า ทั้งนี้สำหรับสิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ กรุงเทพฯมีคอนโดมิเนียมในโครงการที่สร้างเสร็จแล้วจำนวนรวมทั้งสิ้นราว 524,000 ยูนิต โดยในจำนวนนี้ เป็นคอนโดมิเนียมระดับบน 46,000 ยูนิต โดยราคาคอนโดมิเนียมมือหนึ่งเฉลี่ยทั่วกรุงเทพฯ มีราคาปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว แต่พบว่า คอนโดมิเนียมระดับบนมีราคาเฉลี่ยปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยที่ 0.4% เนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้น

นางสาวนนท์รภัส กล่าวว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ มีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่ซื้อที่ดินแปลงสำคัญๆ ในทำเลใจกลางศูนย์กลางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายที่ดินของสถานทูตอังกฤษโดยการร่วมทุนระหว่างกลุ่มเซ็นทรัลและฮ่องกงแลนด์ในราคาราว 18,700 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการซื้อขายที่ดินที่มีมูลค่าสูงสุดที่เคยมีมา การซื้อที่ดินที่ถนนหลังสวนโดยเอสซีแอสเสท ในราคาตารางวาละ 3.1 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นราคาซื้อขายที่ดินต่อตารางวาที่สูงสุดเท่าที่เคยมีมา นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอื่นๆ เช่น ไรมอน แลนด์, แมกโนเลีย, ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น และอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์

ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน