รัฐ-เอกชนผนึกพลังปั้น “บัลลังก์โมเดล” ปลูกข้าวโพดยั่งยืน

รัฐ-เอกชนผนึกพลัง 4 ภาคส่วน พัฒนา “บัลลังก์โมเดล” ต้นแบบการรวมกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่แห่งแรกของไทยที่โคราช เพื่อผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยั่งยืน เผยกลุ่มซีพีรับซื้อผลผลิตในราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 7.90 บาท

รายงานข่าวจากจังหวัดนครราชสีมาเปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เทศบาลตำบลบัลลังก์ อ.โนนไทย เกษตรอำเภอโนนไทย จ.นครราชสีมา และสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ร่วมกับบริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ดำเนินโครงการ “เกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน” ในรูปแบบ “บัลลังก์โมเดล” เพื่อพัฒนาและส่งเสริมเกษตรกรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมบริหารจัดการแบบแปลงใหญ่แห่งแรกของประเทศ นำไปสู่ต้นแบบการรวมกลุ่มเกษตรกรผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เข้มแข็ง และยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บนพื้นฐานตรวจสอบย้อนกลับได้

พิธีร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือได้จัดขึ้นระหว่าง 4 ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาภาคการเกษตร ประกอบด้วย สำนักงานเทศบาลตำบลบัลลังก์ สำนักงานเกษตรอำเภอโนนไทย สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.)นครราชสีมา และ บ.กรุงเทพโปรดิ๊วส โดยมีกลุ่มเกษตรกรเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เข้าร่วมโครงการในปีแรก 360 คน ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูก 7,300 ไร่

ว่าที่ ร.ต.ฐนนท์ธรณ์ กวีกิจรัตนา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบัลลังก์ กล่าวว่า เทศบาลตำบลบัลลังก์มีเกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นหลัก 700 กว่าราย พื้นที่ปลูก 12,000 ไร่ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเกษตรกรประสบปัญหาแห้งแล้งซ้ำซาก ผลผลิตพืชผลเกษตรตกต่ำ เกษตรกรมีรายได้น้อย จึงได้ขอความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จาก บ.กรุงเทพโปรดิ๊วส ภายใต้โครงการ “เกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน” เพราะเห็นว่าเป้าหมายของโครงการมุ่งพัฒนาการเพาะปลูกอย่างถูกวิธีตามหลักวิชาการ เพื่อให้เกษตรกรมีผลผลิตเพิ่มขึ้น ต้นทุนผลิตลดลง ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และต่อยอดโครงการให้ส่งเสริมเกษตรกรครบวงจรมากขึ้น ตั้งแต่วิธีการปลูก การเก็บเกี่ยว จนถึงการสนับสนุนตลาดรับซื้อ

“การผนึกกำลัง 4 ฝ่ายในครั้งนี้ เพื่อริเริ่ม “บัลลังก์โมเดล” เพื่อให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มกันเพาะปลูกข้าวโพดได้มาตรฐานที่ดีในลักษณะแปลงใหญ่ ลดต้นทุนการผลิต ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน และสนับสนุนเรื่องตลาดและราคารับซื้ออย่างครบวงจร” ว่าที่ ร.ต.ฐนนท์ธรณ์กล่าว

เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้รับการอบรมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ถูกต้องตามหลักการของโครงการ”เกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน” เริ่มจากการวิเคราะห์ธาตุอาหารในดิน วางแผนการใช้ปุ๋ยได้เหมาะสม ส่งเสริมให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากการรวมกลุ่ม เรื่องจัดสรรเครื่องมือและทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ การแลกเปลี่ยนข้อมูลและเก็บข้อมูลแปลงเพาะปลูกเพื่อสนับสนุนระบบตรวจสอบแหล่งที่มาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตลอดจนการจัดการเก็บเกี่ยวและขนส่งผลผลิตร่วมกันอย่างเป็นระบบ และมีเป้าหมายให้เกษตรกรพัฒนามาตรฐานการเพาะปลูก ตามหลักการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (Good Agriculture Practices : GAP)

นายไพศาล เครือวงศ์วานิช รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) ผู้จัดหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า “บัลลังก์โมเดล” จะเป็นแห่งแรกของประเทศ ที่มีการผนึกพลังภาครัฐ เกษตรกร และเอกชน เพื่อสนับสนุนเกษตรกรเพาะปลูกข้าวโพดอย่างครบวงจร ตั้งแต่การเพาะปลูกการบริหารจัดการเก็บเกี่ยวและขนส่ง รวมถึงการมีตลาดรับซื้อในราคาประกัน บนพื้นฐานการตรวจสอบย้อนกลับได้

ทั้ง 4 ภาคส่วนได้แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบเพื่อผลักดันโครงการให้เกษตรกรได้รับประโยชน์สูงสุด โดยมีเทศบาลตำบลบัลลังก์จะเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนโครงการ ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ อำนวยความสะดวกและจัดหาปัจจัยการผลิตให้กับกลุ่มเกษตรกร มีเกษตรอำเภอเป็นผู้ให้คำแนะนำและสนับสนุนข้อมูล ส่วน สกต.ทำหน้าที่รวบรวมผลผลิต จัดหาแหล่งรับซื้อผลผลิต ขณะที่กรุงเทพโปรดิ๊วส ช่วยสนับสนุนการจัดอบรมการเพาะปลูกตามหลักวิชาการ และถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมถึงรับซื้อในราคาประกันขั้นต่ำ 7.90 บาท/กิโลกรัม

นายจำลอง จันดอน กำนันตำบลบัลลังก์ 1 ในเกษตรกรเข้าร่วมโครงการรุ่นแรก ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 50 ไร่ กล่าวว่า จากการเข้าร่วมโครงการ ทำให้ตนเองและชาวบ้านรู้วิธีการปลูกข้าวโพดดีขึ้น และสามารถลดต้นทุนการผลิตจากการลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมี หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และการรวมกลุ่มยังช่วยให้เกษตรกรสามารถต่อรองลดราคาค่าปุ๋ย และปัจจัยการผลิตอื่น ๆ ที่สำคัญเกษตรกรไม่ต้องกังวลเรื่องตลาดรับซื้อ จากเดิมที่เคยขายให้พ่อค้าคนกลาง แต่ปีนี้สามารถนำผลผลิตขายให้โรงงานอาหารสัตว์โดยตรง

“แม้ว่าปีนี้ข้าวโพดจะได้รับผลกระทบจากฝนทิ้งช่วงระยะหนึ่ง แต่ผลผลิตที่ได้ครั้งนี้ข้าวโพดมีคุณภาพฝักดีขึ้น ผลผลิตต่อไร่น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 700 กว่ากิโลกรัม จากเดิม 500-600 กิโลกรัมต่อไร่ ประกอบกับต้นทุนที่ลดลง คาดว่าปีนี้รายได้หลังค่าใช้จ่ายน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด” นายจำลองกล่าว