เตือนชาวสวน….ระวังการระบาดโรคราน้ำค้างในพืชตระกูลแตง

กรมส่งเสริมการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกพืชตระกูลแตงทางภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระวังโรคราน้ำค้างระบาด เนื่องจากช่วงนี้อากาศหนาว มีหมอกและน้ำค้างลงในช่วงเช้า อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการระบาดอยู่ระหว่าง ๑๖ – ๒๗ องศาเซลเซียส และความชื้นสูงเหมาะต่อการเจริญของเชื้อรา สาเหตุของโรคจะขยายลุกลามได้รวดเร็ว ในเมล่อน แคนตาลูป หรือแตงโมอาจทำให้ความหวานลดลง ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ โรคราน้ำค้างจัดว่าเป็นโรคที่สำคัญของพืชตระกูลแตงทุกชนิด เช่น แตงโม แตงกวา แตงร้าน มะระ ฯลฯ ส่วนพวกตำลึง บวบ ฟักทอง ฟักข้าวไม่ค่อยพบโรคนี้ระบาด สปอร์ของเชื้อสาเหตุสามารถปลิวไปตามน้ำ ลม ติดไปกับแมลง สัตว์ เครื่องมือการเกษตรและมนุษย์ เช่น ด้วงเต่าแตง ลักษณะอาการในระยะแรก จะพบกลุ่มราสีขาวหรือสีเทาบนใบพืช ต่อมาสังเกตเห็นหลังใบเป็นสีเหลืองอ่อนแผลค่อนข้างเป็นเหลี่ยมแล้วพัฒนาเป็น สีน้ำตาลอ่อน ไปจนเข้มประปรายทั่วใบ อาการรุนแรงจะทำให้ใบแห้งและเหี่ยว อาการจะปรากฏบนใบแก่โคนเถาก่อน โรคระบาดรวดเร็วมากจะทำให้เถาแตงเหี่ยวตายหมดทั้งเถาได้ในเวลาที่อากาศชื้นในตอนเช้าจะสังเกตเห็นกลุ่มสปอร์เชื้อราที่ด้านท้องใบคล้ายผงแป้งได้เด่นชัดกว่าเวลาอื่นๆ โรคนี้ มักจะระบาดรุนแรงและรวดเร็วเมื่อแตงกำลังให้ผล ทำให้เถาแตงตายไปก่อนที่แตงจะสุกแก่พร้อมเก็บเกี่ยว

กรมส่งเสริมการเกษตร แนะนำวิธีการป้องกันกำจัด ดังนี้

๑. สำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

๒. เก็บใบหรือส่วนที่เกิดโรค นำไปเผาทำลาย

๓. บำรุงรักษาต้นพืชให้สมบูรณ์แข็งแรง

๔. ก่อนปลูกควรคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช เอพรอน อัตรา ๗ กรัม ต่อเมล็ดพันธุ์ ๑ กิโลกรัม

๕. ถ้ามีหมอกและน้ำค้างจัดในช่วงเช้า ควรพ่นด้วยสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น ริโดมิลเอ็มแซด อาลิเอท ดาโคนิล หรือ วามีนเอส พ่นสลับกันเพื่อป้องกันเชื้อต้านทานสารเคมี อัตราส่วนตามคำแนะนำในฉลาก

๖. พ่นน้ำล้างใบในช่วงเช้าพร้อมการให้น้ำ แล้วพ่นน้ำส้มควันไม้อัตรา ๑๐๐ ซีซี ต่อน้ำ ๑๒ ลิตร

ให้ทั่วทรงพุ่มทุก ๗ – ๑๐ วัน

ทั้งนี้เกษตรกรสามารถแจ้งการระบาดและขอคำปรึกษาในการป้องกันกำจัดได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้านท่าน