ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ แบบง่าย ลงทุนน้อย ได้ผลดี ที่ราชบุรี

พูดถึงกระแสสุขภาพกำลังมาแรงในยุคนี้นะคะ และใครๆ ก็จะถามถึงผักไฮโดรโปนิกส์ หรือผักที่ปลูกในสารละลาย

 การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ดูเหมือนจะเป็นกิจกรรมที่ถูกอกถูกใจหลายๆ คน ในขณะที่บางคนก็มีคำถามมากมายถึงการลงทุน การจัดการ รวมไปถึงการตลาดของผักที่ผ่านการปลูกด้วยระบบนี้

คุณเมธา กสินุรักษ์ เจ้าของผักไฮโดรโปนิกส์ที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี เล่าว่า ต้องการทำแปลงผัก ให้เป็นเหมือนซุเปอร์มาร์เก็ต ให้ลูกค้าเข้ามาเก็บผักเอง เหมือนเลือกซื้อผักในซุเปอร์มาร์เก็ต

ข้อดีของการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ – ลดการใช้สารเคมี หรือไม่ต้องใช้เลยก็ได้

 คุณเมธา เล่าว่า เริ่มต้นจากการที่ตัวเขาและครอบครัวชอบกินผักมาก จึงเริ่มต้นปลูกเองไม่มาก  ได้ผลผลิตแล้วก็แจกเพื่อนบ้านบ้าง

“ต่อมาพื้นที่ปลูกก็ขยายขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมีพื้นที่ที่เห็นนี้ประมาณ 200 ตารางวา ปลูกผักได้ 19 โต๊ะ โต๊ะละ 480 ต้น รวมแล้ว ก็จะได้ผักประมาณ 10,000 ต้น สำหรับ 1 รอบการปลูก นับแต่หยอดเมล็ด ใช้เวลาประมาณ 45 วัน ก็จะสามารถเก็บผลผลิตได้ และพันธุ์ผักที่ปลูกก็เป็นผักไฮโดรโปนิกส์ทั่วไปที่รู้จักกันดี

 คุณเมธา วางระบบด้วยตัวเองทั้งหมด โดยเริ่มจากเล็กๆ และค่อยๆ ขยายพื้นที่ขึ้น หลายคนมองว่า การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ลงทุนสูง และต้องมีเทคโนโลยีในการผลิตขั้นสูงอีกด้วย แต่คุณเมธา มีความเห็นต่างออกไป

 “ผมว่าอยู่ที่การศึกษาระบบ เราสามารถประยุกต์วัสดุใกล้ตัว  มาดัดแปลงได้ทั้งหมด  ซึ่งจะทำให้ต้นทุนมีราคาถูกลง เช่น ใช้ท่อน้ำแทนรางน้ำ เป็นที่น้ำไหลเวียน ใช้รางน้ำฝนอลูมีเนียม เป็นตัวรับน้ำ อันนี้เป็นถ้วยน้ำจิ้มราคาไม่ถึง 10 สตางค์ แทนถ้วยพลาสติกสำหรับปลูกผักที่มีราคาใบละ 2 บาท ซึ่งการลงทุนด้วยการใช้วัสดุอุปกรณ์ทดแทนนี้จะสามารถประหยัดต้นทุนไปได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ คุณเมธา ยังปฏิเสธ การวางระบบจากผู้เชี่ยวชาญที่มักจะพ่วงมาด้วยต้นทุนราคาแพง  แต่จะหาวัสดุอุปกรณ์ใกล้ตัวทดแทนกันไป

คุณเมธา บอกว่า การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์จะประหยัดน้ำกว่าการปลูกผักด้วยระบบธรรมดา ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผักไฮโดรโปนิกส์ที่ตัดแล้วจะจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 100 บาท ผักคละชนิดกัน

ใครที่สนใจ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อินโนไฮโดรฟาร์ม โทร. 089-298-2737