25 ปี ซี.พี.เวียดนาม ปักธงไทยสร้าง 3 ประโยชน์ พัฒนาเศรษฐกิจชาติ สร้างรายได้ประชาชน ตอบแทนสังคมยั่งยืน

(6 ธันวาคม 2561 – หายเซือง เวียดนาม) บริษัท ซี.พี.เวียดนามคอร์ปอเรชั่น ฉลองครบรอบ 25 ปี ที่เปิดดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม เข้ารับรางวัลเกียรติยศจากรัฐบาล ตอกย้ำปรัชญาการดำเนินธุรกิจ “3 ประโยชน์” ส่งผลกิจการเติบโตต่อเนื่อง

นายมนตรี สุวรรณโพธิ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.เวียดนามคอร์ปอเรชั่นเข้าร่วมพิธีมอบเหรียญอิสริยาภรณ์แรงงาน ชั้น 3 ซึ่งเป็นรางวัลที่ประธานาธิบดีเวียดนามมอบให้บริษัท เพื่อยกย่องผลงานการมีส่วนร่วมพัฒนาประชาชนชาวเวียดนามให้ได้รับความรู้ ได้รับอาชีพ และเติบโตอย่างยั่งยืนเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศเวียดนาม ตอกย้ำความสำเร็จของปรัชญาดำเนินธุรกิจ 3 ประโยชน์ นั่นคือ ธุรกิจที่ทำต้องเป็นประโยชน์ต่อประเทศที่ไปลงทุน ประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศนั้น และประโยชน์ต่อบริษัท รางวัลนี้สร้างพลังและกำลังใจให้แก่ทุกคนในบริษัทเป็นอย่างมาก

“ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ ซี.พี.เวียดนามเข้ามาดำเนินธุรกิจ ต้องขอขอบคุณรัฐบาลเวียดนามที่ให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการทำงานอย่างดียิ่ง ขอบคุณเกษตรกรที่ร่วมกันผลิตอาหารปลอดภัยเพื่อประชาชน ขอบคุณเพื่อนพนักงานที่ร่วมสร้างบริษัทมาจนถึงวันนี้ ตลอดจนขอขอบคุณผู้บริโภคชาวเวียดนามที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของเราด้วยดี การทำธุรกิจอย่างครบวงจรตั้งแต่อาหารสัตว์-ฟาร์มเลี้ยงสัตว์-อาหารแปรรูป (Feed-Farm-Food) ตลอดห่วงโซ่การผลิตนั้นสามารถสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่พี่น้องประชาชนชาวเวียดนามนับแสนครอบครัวขณะเดียวกัน บริษัทยังเป็นบริษัทดีเด่นที่ชำระภาษีรายได้ให้แก่รัฐบาลเวียดนามทุกปีติดต่อกันระดับรายได้ของ ซี.พี.เวียดนามและการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนามผ่านกิจการต่างๆ ของบริษัทนี้ส่งผลถึงรายได้รวมของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) อย่างต่อเนื่องด้วย” นายมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทของไทย ที่เข้ามาจดทะเบียนตั้งบริษัท ตั้งแต่ปี 1993 โดยดำเนินธุรกิจเกษตรปศุสัตว์และอาหารครบวงจร ครอบคลุมทั้งธุรกิจสัตว์บกและธุรกิจสัตว์น้ำ ปัจจุบัน ซี.พี.เวียดนาม มีบุคลากรทั้งหมดกว่า 20,000 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวเวียดนามถึง 98.72% ซึ่งบริษัทเปิดโอกาสให้พนักงานแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้พนักงานชาวเวียดนามเติบโตสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงได้เป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน ได้จัดตั้ง “กองทุนซี.พี.เวียดนามเพื่อการกุศล” (CPV’s Donation Fund) เพื่อช่วยเหลือสังคมอย่างยั่งยืนในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการบริจาคโลหิตที่ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2009 โดยมียอดรับบริจาคโลหิตรวมทั้งสิ้นกว่า 200,000 ยูนิต (ประมาณ 62 ล้านซีซี) เป็นที่ยอมรับและชื่นชมจากรัฐบาลและประชาชน นอกจากนี้ ยังมีโครงการหน่วยแพทย์อาสาและโครงการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสต่างๆ อีกหลายโครงการ

นาง เล เหยิด ถุ่ย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ประธานกองทุน ซี.พี.เวียดนาม เพื่อการกุศล กล่าวว่า เดิมทีชาวเวียดนามมีความเชื่อที่จะไม่ให้เลือดของตนแก่คนนอกครอบครัว แต่โครงการบริจาคโลหิตที่ ซี.พี.เวียดนามเป็นผู้รณรงค์ส่งเสริมนั้นสามารถเปลี่ยนความเชื่อดังกล่าว กระทั่งสร้างประโยชน์แก่วงการสาธารณสุขของเวียดนามเป็นอย่างมาก

♦ พัฒนาเศรษฐกิจ…ยกระดับคุณภาพชีวิต
ซี.พี.เวียดนามมีส่วนในการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศในระยะ 25 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาภาคเกษตรอุตสาหกรรมอันทันสมัย มีการนำเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพตลอดจนองค์ความรู้ต่างๆ เข้ามาถ่ายทอดให้แก่เกษตรกรส่งผลให้เกษตรกรชาวเวียดนามมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน พร้อมๆ กับการที่ประชาชนชาวเวียดนามมีปริมาณอาหารโปรตีนรับประทานได้อย่างเพียงพอ ตลอดจนสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรไปจำหน่ายยังนานาประเทศ ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม

นายจิรวิทย์ รชตะนันทน์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจฟาร์มสัตว์บก กล่าวว่า ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น มีผลผลิตสุกรในปี 2017 อยู่ที่ 5 ล้านตัว ผลผลิตไข่ไก่ราว 200 ล้านฟอง และผลิตภัณฑ์ไก่เนื้อ 80,000 ตัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลผลิตจากเกษตรกร ยกตัวอย่างธุรกิจสุกร ที่บริษัทได้ส่งเสริมเกษตรกรในระบบ Contract Farming เป็นจำนวน 2,410 ครอบครัว ซึ่งเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาระดับราคาสุกรในเวียดนามตกต่ำอย่างมาก จากปัญหาสุกรล้นตลาด แต่เกษตรกรทั้งหมดของบริษัทกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เนื่องจากบริษัทเป็นผู้รับความเสี่ยงแทนทั้งหมดขณะที่เกษตรกรอิสระหลายรายต้องประสบภาวะขาดทุนและบางส่วนต้องเลิกกิจการฟาร์มเลี้ยงสัตว์ไป

“นอกเหนือจากการทำฟาร์ม เรายังริเริ่มขยายระบบการจัดจำหน่ายเนื้อสุกรในรูปแบบของ “ร้านสุกร CP” (CP Pork shop) กระทั่งปัจจุบันสามารถขยายร้านได้แล้วถึง 546 สาขา ซึ่งเป็นการจัดจำหน่ายโดยผู้ประกอบการรายย่อยทั้ง 100% เพื่อการสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนชาวเวียดนามตลอดจนเป็นการยกระดับมาตรฐานอาหารปลอดภัยและการจัดจำหน่ายเนื้อสัตว์อย่างถูกสุขลักษณะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค” นายจิรวิทย์ กล่าวและว่า

สำหรับธุรกิจไก่เนื้อ ในเร็วนี้บริษัทจะเปิดโครงการเลี้ยงไก่แปรรูปครบวงจรเพื่อการส่งออก (เฟสแรก) เพื่อใช้เวียดนามเป็นฐานในการส่งออกไก่แปรรูปไปยังประเทศต่างๆ โดยโรงงานแห่งนี้จะเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีกำลังการผลิต 1 ล้านตัว/สัปดาห์ ภายใต้มาตรฐานการผลิตอาหารปลอดภัยในระดับสากล เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตรวจสอบย้อนกลับได้

ด้าน นายอดิศักดิ์ ต่อสกุล รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจสัตว์น้ำ กล่าวเสริมว่า ในปีที่ผ่านมา ซี.พี.เวียดนาม ส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปสัตว์น้ำ ประเภทกุ้งและปลาแพนกาเซียสดอร์รี่ไปยังประเทศต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่น อังกฤษ ออสเตรเลีย ฮ่องกง จีน และยุโรป ในปริมาณถึง 20,000 ตัน .

ขณะเดียวกัน ยังส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงกุ้งด้วยระบบ “C.P. Combined Model” โดยนำหลักการเลี้ยงกุ้งที่ดีและถูกต้องตามหลักวิชาการทุกอย่างมารวมกันในสเกลเล็กเพื่อให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเป็นเจ้าของกิจการฟาร์มเลี้ยงกุ้งได้ ประกอบกับทางรัฐบาลเวียดนามให้การสนับสนุน ส่งผลให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ จึงทำให้ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งเวียดนามไม่จำเป็นต้องเป็นเกษตรกรรายใหญ่ อุตสาหกรรมกุ้งของเวียดนามจึงประสบความสำเร็จ มีผลผลิตที่มีคุณภาพในปริมาณที่เพิ่มขึ้น และส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดโลกได้มากยิ่งขึ้น

“ปัจจุบัน ความสำเร็จของโมเดลการเลี้ยงกุ้งในระบบ C.P. Combined Model นี้กำลังกลายเป็นต้นแบบให้ธุรกิจสัตว์น้ำของซีพีเอฟในประเทศต่างๆ เข้ามาศึกษา และรับองค์ความรู้ไปพัฒนาในแต่ละประเทศด้วย” นายอดิศักดิ์ กล่าว

สำหรับธุรกิจแปรรูปอาหาร นายสุพัฒน์ ศรีธนาธร รองกรรมการผู้จัดการบริหารธุรกิจอาหารแปรรูปครบวงจร เปิดเผยว่า ซี.พี.เวียดนามเริ่มดำเนินการผลิตอาหารแปรรูปในปี 2010 โดยในปัจจุบัน ประกอบด้วยธุรกิจอาหารแปรรูป อาทิ ไส้กรอก ธุรกิจร้านค้าปลีก เช่น CP fresh mart และธุรกิจร้านอาหาร เช่น ธุรกิจห้าดาว

“กลุ่มอาหารแปรรูปที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเวียดนามคือ ไส้กรอก ซึ่งเรามีส่วนแบ่งตลาดถึง 20% และในปีหน้าจะเน้นส่งผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานสู่ตลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ไส้กรอก ซูชิ ติ่มซำ ไข่แปรรูปพร้อมรับประทาน และอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานอื่นๆ โดยตั้งเป้าจะขยายส่วนแบ่งตลาดอาหารแปรรูปเพิ่มขึ้นส่วนห้าดาวก็เป็นธุรกิจอาหารสำเร็จรูปที่เติบโตด้วยดีในเวียดนาม โดยบริษัทสนับสนุนให้ชาวเวียดนามมีโอกาสเป็นเจ้าของธุรกิจ ให้องค์ความรู้ด้านการจัดการ สนับสนุนการขายทุกอย่าง กระทั่งปัจจุบัน มีชาวเวียดนามเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจห้าดาว ถึง 500 ครอบครัว และจะเพิ่มเป็น 600 ครอบครัวในปีหน้า” นายสุพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น เป็นกิจการหนึ่งในกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ (Oversea Business) ที่ตลอด 25 ปีมีการสร้างคน สร้างทีมงานที่ดี และมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นลำดับ นับเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนของซีพีเอฟ รวมถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เสริมความแข็งแกร่งของพันธมิตรและการดำเนินโครงการเพื่อสังคม จนนำไปสู่การยอมรับจากรัฐบาลและประชาชนชาวเวียดนาม กระทั่งได้รับเหรียญเกียรติคุณแห่งชาติในครั้งนี้ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของพนักงานทุกคน