พริกประดับ ปลูกง่าย ขายดี ตลาดต้องการสูง

พริก ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีบทบาทสูง และเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศตลอดทั้งปี ทำให้การปลูกพริกเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าจับตามอง หากใครมีพื้นที่อยู่แล้วแต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกปลูกพริกสายพันธุ์ใดดี ก็ขอแนะนำให้ลองพิจารณา “พริกประดับ” ให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในใจคุณ

เพราะปัจจุบันคนไทยหันมานิยมปลูกต้นไม้ในบ้าน คอนโดฯ อาคารสำนักงานกันมากขึ้น โดยสินค้าขายดีคือ ต้นไม้ที่มีขนาดเล็ก เช่น พริกประดับ ซึ่งขายราคาไม่แพง ปลูกดูแลง่าย ทำให้ยอดขายพริกประดับเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี

พริกอินโดต้นนี้ราคา 1,200 บาท

ประกอบกับการแต่งสวนในสไตล์ผักสวนครัว กำลังได้รับความนิยมในวงกว้าง เพราะไม่ได้แค่การแต่งสวนที่สวยงามจากพืช ผักแล้ว ยังได้กินผลผลิตที่ออกมาด้วย ซึ่ง “พริกประดับ” จึงกลายเป็นหนึ่งในสินค้าทางเลือกของคนไทยที่ชื่นชอบการแต่งสวน

ต้นพริกประดับ มีลักษณะเป็นไม้ทรงพุ่มเตี้ย และแน่นเต็มไปด้วยเม็ดพริกและใบ ที่ดูสวยงาม เวลาติดดอกออกผลจะมีหลากหลายสีสันที่จัดจ้านภายในต้นเดียว ทั้งสีเขียว สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีม่วง ดูสวยงามน่ามอง แถมผลพริกก็สามารถนำไปปรุงรสในเมนูอาหารสุดโปรดได้เป็นอย่างดี เกษตรกรจำนวนมากจึงนิยมปลูกต้นพริกประดับเป็นอาชีพเพราะเป็นสินค้าขายดีทุกฤดูกาล

พริกประดับมองมุมไหนก็สวย
พริกประดับ สวยงามเหมาะสำหรับประดับตกแต่งสวน

พริกประดับ ที่นิยมซื้อขายในท้องตลาด

ที่นี้เราลองมาไล่เรียงกันดูสักหน่อยว่า ทุกวันนี้ มีพริกประดับ ที่วางจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไปมีอะไรกันบ้าง เริ่มจาก “พริกประดับสีม่วง” นิยมปลูกประดับเพื่อความสวยงาม และรสชาติเผ็ดเหมือนพริกขี้หนู สามารถรับประทานสดหรือนำไปปรุงรสอาหารได้ ต้นพริกประดับสีม่วงมีสีสันสวยงาม เมล็ดอ่อนจะมีสีม่วง หลังจากนั้นจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีครีม สีเหลือง สีส้ม เมื่อแก่จัด จะมีสีแดง

“พริกแม็กซิกัน” พริกชนิดนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เมื่อสวนสุขฆะโตพันธุ์ไม้ ร้านไม้ดอกไม้ประดับจากจังหวัดสงขลาได้นำพริกเม็กซิกันมาเปิดตัวในงานบ้านและสวน 2012 ก็ได้รับความสนใจ ในกลุ่มผู้ชื่นชอบการตกแต่งสวน เพราะมีรูปทรงสวยสีสันสดใส ออกผลจำนวนมากจนเต็มต้น พริกชนิดนี้มีอายุประมาณ 1- 2 ปี ช่วงแรกผลพริกจะมีสีเขียวก่อนจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดง สีส้ม สีม่วง เมื่อออกผลใหม่ พริกเม็ดเดิมร่วงหล่นไป สามารถนำไปปรุงอาหารได้ แต่ต้องระวังสักหน่อยเพราะเป็นพริกที่มีความเผ็ดร้อนมาก ไม่ถูกปากคนไทยที่กลัวรสเผ็ด

“พริกสิงคโปร์” ผลของพริกนั้นมีลักษณะเป็นผลกลมๆ มีความเผ็ด แต่ไม่มากนักสีสันน่ากิน ด้วยความสวยและเผ็ดแล้ว คนไทยสนใจปลูก “พริกสิงคโปร์” เป็นไม้ประดับเพื่อเพิ่มความสวยงามในสวนและอาคารบ้านเรือนอีกด้วย

ต้นกล้าพริกรูปหัวใจ

“พริกรูปหัวใจ” เด่นสะดุดตาในเรื่องทรงผลรูปหัวใจ มีสีสันสวยงาม มีขนาดความยาวผล 5-7 ซม. เหมาะสำหรับปลูกเพื่อรับประทานและประดับตกแต่งบ้านเรือน เกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์ของ อีสท์ เวสท์ ซีด หรือ “ ศรแดง ” พริกรูปหัวใจมีผลผลิตต่อต้นสูง ผลชี้ออกด้านนอก ทรงพุ่มสามารถเก็บผลผลิตได้ง่าย ลำต้นแข็งแรง ให้ผลผลิตสม่ำเสมอ คุณภาพผลดี เก็บไว้ได้นาน ทนต่อการขนส่งทางไกล พริกรูปหัวใจสามารถบริโภคได้ทั้งสดและแห้ง

“พริกซุปเปอร์ฮอท 4 สี” เป็นพันธุ์พริกอีกชนิดของศรแดง จุดเด่นสำคัญของพริกพันธุ์นี้คือ มีสีสันสวยงาม เพราะผลมีถึง 4 สี คือ สีเขียว ส้ม เหลือง แดง สามารถปลูกเพื่อรับประทานและประดับตกแต่ง พริกมีความยาว 6-8 ซม. ผลผลิตต่อต้นสูง ให้ผลสม่ำเสมอ ระยะเวลาเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม 120-130 วัน ผลชี้ออกนอกทรงพุ่ม สามารถเก็บผลผลิตได้ง่าย คุณภาพผลดี เก็บไว้ได้นาน ทนทานต่อการขนส่งทางไกล สามารถนำมาบรรจุถุงจำหน่ายได้หลายๆ สี จะช่วยดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี

พริกประดับ ปลูกดูแลง่าย

เกษตรกรหลายรายนิยมปลูกพริกประดับในช่วงเดือนกรกฎาคม เพื่อให้มีผลผลิตออกขายในช่วงปลายฤดูฝน ทั้งนี้ต้นพริกประดับส่วนใหญ่จะทนทานต่อภาวะฝนตกได้ดี การปลูกพริกประดับว่า เริ่มจากนำเมล็ดพันธุ์พริกมาเพาะลงในถาดหลุม จะใช้เวลาประมาณ 7 วันจึงผลิใบออกมาเป็นต้นกล้า ให้เพาะเลี้ยงในถาดหลุมต่อไปจนอายุ 25 วัน จึงค่อยย้ายต้นกล้าพริกมาปลูกในกระถาง ขนาด 8 นิ้ว ที่ใช้เครื่องปลูกประกอบไปด้วย ขุยมะพร้าว 3 ส่วน ดิน 2 ส่วน ผสมกันแล้วนำใส่กระถางปลูก ให้เกษตรกรเลี้ยงต่อไปอีกประมาณ 75 วัน หรือสองเดือนครึ่งจึงขายต้นพริกประดับเข้าสู่ตลาด

แปลงปลูกพริกประดับ

เลือกใช้ปุ๋ยด่าง

หากต้องการให้ต้นพริกประดับเติบโตสวยงามตามธรรมชาติ แนะนำให้ใช้ปุ๋ยที่ไม่มีค่าเป็นกรด เรียกว่า ปุ๋ยด่าง นั่นเอง เพราะต้นพริกที่ปลูกในกระถางดิน จะมีค่าความเค็มอยู่แล้ว หากใส่ปุ๋ยเคมีเข้าไปยิ่งจะทำให้ต้นพริกเกิดอาการโทรมลงไปอีก

ทั้งนี้ เกษตรกรควรใส่ปุ๋ยด่างในช่วงที่ย้ายต้นกล้าได้สักประมาณ 10 วัน จึงค่อยใส่ปุ๋ยด่าง โดยใส่ในอัตรา 1 ช้อนชา ต่อ 1 กระถาง หลังจากนั้นให้น้ำทุกเช้าเย็น ส่วนช่วงฤดูหนาว ควรให้น้ำเพียงครั้งเดียวในตอนเช้า โดยรดน้ำแค่พอชุ่มต้นเท่านั้น

เพลี้ยไฟ แมลงตัวร้าย

ในช่วงที่ต้นพริกประดับแตกใบอ่อน มักมีปัญหาเพลี้ยไฟรบกวน สามารถป้องกันได้โดยฉีดยาในช่วงยามเย็น ที่ไร้เงาแดด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเพลี้ยไฟในสวน เพราะหากต้นพริกประดับถูกเพลี้ยไฟเข้าทำลายแล้ว จะแก้ไขไม่ได้ เพราะต้นพริก มีลักษณะใบหงิกงอ ไม่สวย นอกจากนี้ เพลี้ยไฟยังเข้าทำลายฝักอ่อน ใบอ่อน ดอกอ่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ป้องกันได้ยาก หากเด็ดใบทิ้ง ต้นก็จะไม่สวย ใบไม่งาม ไม่น่าซื้อ ไม่น่ามอง

ด้านตลาด

พริกประดับที่ปลูกในกระถางจะขายดีในช่วงปลายฝนต้นหนาว เพราะต้นพริกประดับกำลังเจริญเติบโตสวย โดยทั่วไป พริกประดับสีม่วงจะขายดีมาก รองลงมาคือ พริกสีเหลือง ส้ม แดง พริกงาขาวดกมาก พริกอินโด ตุ้มม่วง ใหญ่ เล็ก พริกกะเหรี่ยง ก็ขายดี  เกษตรกรส่วนใหญ่นิยมปลูกพริกประดับเพื่อเจาะตลาดขายส่ง โดยพริกประดับขนาดกระถาง 8 นิ้ว ขายส่งในราคาตั้งแต่ 40-60 บาท ส่วนพริกอินโดกระถางใหญ่สามารถจำหน่ายได้ในราคาหลักร้อยจนถึงหลักพันบาท ส่วนมากลูกค้ามักต้องการสินค้า ตุ้มใหญ่สีสันสวยงาม ลักษณะผลกลมๆ มีหลากสี ทั้งสีส้ม สีแดง สีเหลือง จำหน่ายในราคาไม่แพง

ลูกค้าส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง ภาคใต้ เช่น ระนอง สุราษฎธานี ชุมพร ฯลฯ นิยมเลือกซื้อพริกประดับ ประเภท พริกตุ้ม หรือที่เรียกว่า พริกอินโด มากที่สุด  เพราะเป็นพริกประดับที่มีรูปทรงสวยงาม หลากสีสันภายในต้นเดียวกัน ส่วนลูกค้าแถบพื้นที่ภาคตะวันออก กลับนิยมซื้อ “พริกงาช้าง” และ“พริกกะเหรี่ยง” ที่ปลูกในกระถางเพื่อนำไปใช้ประดับตกแต่งสวนและอาคารบ้านเรือน เนื่องจากพริกกลุ่มนี้จะมีลักษณะแผ่ใบสวยงาม แถมเมล็ดพริกยังมีลักษณะอ้วนๆ ป้อมๆ สะดุดตาผู้คนอีกด้วย

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2563