ชาวบ้านปิ๊งไอเดียเพาะหนูนาขาย กั้นคอกขุนให้อ้วนส่งขายฟันรายได้เลี้ยงครอบครัว

ชาวบ้านยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ จับหนูนามาเพาะเลี้ยง เริ่มต้น 200 ตัว เพียง 2 เดือนขายได้เงินแล้วกว่า 4 หมื่นบาท เผยหนูนาเป็นอาหารพื้นบ้านหน้าแล้งนับวันจะหายาก จึงหาจับมาเพาะเลี้ยงจำหน่าย ปีใหม่มียอดสั่งซื้อจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. นายชาญชัย ภูทองกลม อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 หมู่ 5 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในช่วงหลังเก็บเกี่ยวข้าว ชาวบ้านจะพากันหาจับหนูนาตามหัวไร่ปลายนามาประกอบอาหาร นิยมนำมาย่าง ผัดเผ็ด อ่อม ซึ่งรสชาติของเนื้อหนูนาในหน้าแล้งจะนุ่ม มันดี ให้ไขมันและโปรตีนสูง โดยจะออกหาจับด้วยวิธีการต่างๆ เช่น กับดัก แร้ว ใช้พลุหรือหน้าไม้ยิง หาขุดตามรู ตามความถนัด

นายชาญชัย กล่าวอีกว่า เนื่องจากระบบนิเวศเปลี่ยนไป นับวันหนูนาจะหาจับยากมากขึ้น ตามหมู่บ้านทั่วไปจึงมีธุรกิจซื้อขายหนูนาเกิดขึ้น ราคาตั้งแต่ตัวละ 80-200 บาท ตามขนาด ซึ่งตนเองก็เคยจับหนูนามารับประทานและแบ่งขายให้เพื่อนบ้าน พอมีรายได้เสริมเข้าครัวเรือนในฤดูแล้งเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ เมื่อเห็นว่ากระแสความนิยมบริโภคหนูนาสูงและราคาดี จึงเกิดไอเดียเลี้ยงหนูนาขาย เริ่มต้นโดยนำอิฐบล็อคและสังกะสีมาทำเป็นโรงเรือนหรือคอกเพาะเลี้ยงหนูนา 4 คอก บนที่นาท้ายหมู่บ้าน แบ่งเป็นคอกเพาะพันธุ์ 1 คอก อีก 3 คอกสำหรับเพาะเลี้ยงหนูนารุ่น มุงหลังคา กางตาข่าย เพื่อป้องกันแสงแดด เหยี่ยว แมว งู สุนัข มารบกวน ปูพื้นด้วยซีเมนต์ป้องกันการขุดรูหนี ก่อนนำดินลงกลบ ปล่อยตัวผู้ตัวเมียอยู่ด้วยกันเพื่อขยายพันธุ์ ซึ่งหนูนาที่นำมาเพาะพันธุ์และเลี้ยงได้จากไปหาจับเองบ้าง และรับซื้อจากคนอื่นบ้าง เพื่อนำมาขุนหรือเลี้ยงให้มีขนาดใหญ่ ใช้ปล้องไม้ไผ่ ท่อพีวีซี ฟาง ให้เป็นที่อาศัยของหนูนา ขณะที่อาหารก็หาง่ายใกล้ตัว โดยปลูกผักคะน้า ผักกาด ผักบุ้ง ข้าวโพด กุ้ง หอย ปู ปลา หัวมันสำปะหลัง ข้าวเปลือก เป็นอาหาร เมื่ออาหารบริบูรณ์ก็โตง่าย เนื้อมาก ให้รสชาติมันดี

“เพียงเริ่มต้นไม่กี่พันบาท ก็ได้ฟาร์มเลี้ยงหนูนาขนาด 4 คอก เดือนแรกมีหนูนาประมาณ 50 ตัว และเพิ่มจำนวนเป็น 200 ตัว เพื่อนบ้านที่รู้จักก็มาซื้อและบอกต่อกันไปปากต่อปาก โทรสั่งจากต่างจังหวัด และไกลถึงกรุงเทพฯก็มี โดยจำหน่ายกิโลกรัมละ 200 บาท สำหรับรายได้เฉพาะช่วง 2 เดือนที่ทำฟาร์มเลี้ยงหนูนามามีรายได้ประมาณ 4 หมื่นบาท ขณะที่ออเดอร์ช่วงปีใหม่มีเข้ามาจำนวนมากราวๆ เกือบ 100 ตัวได้ แต่หนูนาในฟาร์มมีจำนวนจำกัด ส่วนหนึ่งก็จะเอาไว้ให้ลูกหลานที่ไปทำงานที่อื่นได้กลับมาบ้านช่วงปีใหม่ แต่ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นหนูนาเป็นที่นิยมบริโภคมากขายทุกวัน ตอนนี้ต้องออกไปหาหนูนาธรรมชาติมาเสริมไว้ เพื่อรองรับลูกค้าอีกทางหนึ่ง และพร้อมที่จะขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นแต่จะเน้นเรื่องคุณภาพมากกว่าปริมาณ” นายชาญชัย กล่าว

นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำฟาร์มเลี้ยงหนูนา จึงเป็นอาชีพใหม่ ที่ตนจะพัฒนาและเลี้ยงต่อไป โดยจัดระบบความสะอาดและความปลอดภัยในโรงเรือนให้ดีกว่านี้ ที่สำคัญต้นทุนต่ำ รายได้ดี ในส่วนของผู้บริโภคเองก็มั่นใจในความปลอดภัย เพราะเลี้ยงแบบธรรมชาติ