ปลูกลำไยแปลงใหญ่ ให้มีผลผลิตคุณภาพดี ณ หุบเขามังกรนครลำไย จ.ลำพูน

พื้นที่ปลูกลำไยกว่า 5,000 ไร่ โดยรอบอ่างเก็บน้ำแม่กึม ในตำบลทากาศ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน ถูกเรียกขานว่า “หุบเขามังกร นครลำไย” ที่นี่นับเป็นต้นแบบของการผลิตลำไยแปลงใหญ่ ภายใต้การดูแลของสำนักงานเกษตรจังหวัดลำพูน กรมส่งเสริมการเกษตร ที่เข้าไปสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการดูแลจัดการสวนลำไยอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตลำไยให้มีคุณภาพดีขึ้น ควบคู่กับการลดต้นทุนการผลิต เพื่อแก้ปัญหาด้านการตลาดในระยะยาว                              

ในอดีต เกษตรกรชาวสวนลำไยของอำเภอแม่ทามักเก็บเกี่ยวลำไยในช่วงฤดู ประมาณช่วงเดือนมิย.-ก.ย. ได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 1,000 ก.ก. ขายผลผลิตได้ ก.ก.ละ 20 บาท หากช่วงไหนผลผลิตล้นตลาด ก็ขายได้ราคาต่ำจนแทบขาดทุน เพราะขาดการรวมกลุ่มเกษตรกรชาวสวนลำไย แถมเกษตรกรบางรายยังขาดองค์ความรู้ในการทำลำไยนอกฤดูอย่างถูกต้อง จึงได้ผลผลิตที่ไม่มีคุณภาพ

นโยบายลำไยแปลงใหญ่

เมื่อปี 2558 กรมส่งเสริมการเกษตร จึงได้นำ “นโยบายการผลิตลำไยแปลงใหญ่” มาใช้เป็นนวัตกรรมลดต้นทุนการผลิต เจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอแม่ทาจึงได้ชักชวนเกษตรกรในท้องถิ่นที่มีสวนลำไย เฉลี่ยรายละ 9 ไร่ จำนวน 637 ราย มารวมกลุ่มทำลำไยนอกฤดูเป็นแปลงใหญ่ได้ 5,539 ไร่ โดยเกษตรอำเภอแม่ทา ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการแปลงใหญ่และประสานงานหน่วยราชการนำเทคโนโลยีความรู้ที่เหมาะสมมาถ่ายทอดแก่เกษตรกร

ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรอำเภอแม่ทา ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาผลิตลำไยนอกฤดู โดยสนับสนุนให้เกษตรกรแบ่งแปลง แบ่งสวน ทำลำไยนอกฤดูให้ออกสู่ตลาดหลายครั้งต่อปี  ประมาณ ช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.  และ ช่วงเดือน ม.ค.- พ.ค. เพื่อลดความเสี่ยงทางการผลิตและการตลาด โดยเกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้ไม่ต่ำกว่าก.ก.ละ 40  บาท ภายหลังเกษตรกรมีการจัดการสวนลำไยนอกฤดูอย่างเหมาะสม ทำให้ได้ลำไยนอกฤดู เกรด AA จำนวนมาก ป้อนตลาดส่งออก รวมทั้งแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มในลักษณะ “ลำไยสีทอง” ออกขายได้ราคาสูง

ข้อดีของนโยบาย “ลำไยแปลงใหญ่” ก็คือ ช่วยให้เกษตรกรขายสินค้าได้ดีขึ้น โดยปกติผลผลิตลำไยเกรด AA ในช่วงฤดู ขายได้ ก.ก.ละ 11-12 บาท แต่ผลผลิตส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มลำไยเกรด A-B ขายได้แค่ก.ก.ละ 8-9 บาทเท่านั้น หลังจากชาวบ้านหันมาผลิตลำไยนอกฤดู  โดยใช้เทคโนโลยีการดูแลจัดการที่เหมาะสม ทำให้ได้ลำไยลูกโต ผิวสวย เนื้อดี เกรด AA มากขึ้น ถึงร้อยละ  60  ซึ่งเป็นสินค้าคุณภาพดี ขายได้ราคาสูง เฉลี่ย ก.ก.ละ 30-70 บาท เพราะเป็นที่ต้องการของตลาดส่งออกนั่นเอง

นโยบายลำไยแปลงใหญ่ ช่วยให้เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตที่ลดลงกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น สารเร่งดอกลำไยออกนอกฤดู คือ โพแทสเซียมคลอเรต (KClO3) ที่เคยซื้อในราคากระสอบละ 1,500 บาท เมื่อรวมกลุ่มกันซื้อจะมีราคาถูกลง เหลือกระสอบละ1,300 บาท เท่านั้น เช่นเดียวกับสารเคมีสำหรับฉีดพ่นเปิดตาดอก จากเดิมที่เคยซื้อในราคา 600 บาท ก็เหลือแค่ 480 บาท ช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรได้มากกว่าในอดีตแล้ว ยังกระตุ้นความสนใจให้เกษตรกรหันมาทำลำไยนอกฤดูเพิ่มมากขึ้นกว่า 61,150 ไร่

เทคนิคการปลูกลำไยแปลงใหญ่ ลำไยแปลงใหญ่ให้มีผลผลิตคุณภาพดี

การทำลำไยในฤดูและนอกฤดูให้ได้เกรด AA  ต้องอาศัยการตัดแต่งช่อลำไยในขณะติดผลขนาดเล็ก โดยตัดแต่งช่อให้เหลือผลลำไย 40-60 ผล ต่อช่อ วิธีนี้ช่วยทำให้ได้ลำไย เกรด AA ประมาณ 70% หากตัดแต่งช่อลำไยให้เหลือผลลำไย 61-70 ผล ต่อช่อ จะได้ลำไย เกรด A ประมาณ 60% นอกจากนี้ ช่วงระยะเมล็ดในดำ ควรให้ปุ๋ยเคมีที่มีธาตุไนโตรเจนสูง เพื่อช่วยในการสร้างเนื้อลำไย และดูแลให้น้ำให้ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ

การเพิ่มผลผลิตลำไยต่อไร่ของลำไยในฤดู ต้องเตรียมความพร้อมให้ต้นลำไยเสียก่อน โดยตัดแต่งกิ่งให้มีทรงพุ่มโปร่ง โดยตัดกลางลำต้นให้โปร่ง (บนที่สูง) หรือตัดปลายกิ่งย่อยให้โล่ง เก็บกิ่งใหญ่ไว้ ใส่ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี สูตร 46-0-0 ประมาณ 1 ก.ก. ต่อต้น ใช้วิธีหว่านบางๆ ช่วงแตกใบอ่อน พ่นสารเคมีกำจัดหนอน อย่างน้อยพ่นกันแมลงศัตรูพืชไว้ก่อน และกำจัดหญ้าในสวนเพื่อไม่ให้มีหนอนเข้ามากัดกินใบอ่อน ใบอ่อนชุดแรกแก่ ใส่ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี 15-15-15 ฮอร์โมนเร่งแตกใบใหม่ ส่วนใบอ่อนชุดที่ 2-3 ใส่ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี 15-15-15 โดยให้น้ำทุกๆ 7 วัน

แนวทางป้องกันโรคและแมลง สำหรับโรคราดำ ต้องใช้สารเคมีกำจัดเชื้อรา โรคพุ่มไม้กวาด ใช้สารเคมีกำจัดแมลง ไร แมลง เพลี้ยหอย ใช้สารเคมีกำจัดเพลี้ยหอยและไวท์ออยล์ หนอนเจาะกิ่งและทำลายหนอน ส่วนการใช้สารกระตุ้น (โพแทสเซียมคลอเรต) ใช้การหว่าน โดยดูจากทรงพุ่มและอายุของต้นลำไย สำหรับลำไยอายุ 20 ปี ใส่สารกระตุ้น 2 ก.ก. หากอายุไม่ถึง 10-15 ปี ใส่แค่ 0.50 ก.ก. การพ่นทางใบ (พื้นที่ที่ไม่มีน้ำ) ขายเป็นถุง ถุงละ 1 ก.ก. ผสมน้ำ 200 ลิตร พ่นประมาณปลายเดือน ธ.ค.- มี.ค. อีก 7 วันพ่นอีกครั้ง ถ้าออกดอกแล้ว ดอกมากพ่นอีกรอบ เพื่อให้ติดแน่น ประมาณ 25วันแทงช่อ

การดูแลหลังติดช่อดอก ให้ฉีดพ่นสารเคมีกำจัดแมลง หนอน เชื้อรา ในระยะเริ่มแทงช่อ ดอกยังไม่บาน  ให้น้ำอย่างน้อยทุกๆ 7 วัน เมื่อเริ่มติดผลอ่อนให้ฉีดพ่นสารเคมีกำจัดแมลง หนอน เชื้อรา ใส่ปุ๋ยเคมี 15-15-15 หรือ 25-7-7 หรือ 16-16-18  ประมาณ 2-3 ขีด ต่อต้น (ใส่พร้อมกับให้น้ำ) และใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ก่อนการเก็บเกี่ยว 2-3 สัปดาห์ ให้ใส่ปุ๋ยแคลเซียมไนเตรต หรือแมกนีเซียมไนเตรต เพื่อป้องกันผลแตก