ผู้เขียน | บุหลัน ทักษิณาวาณิชย์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“หอยเชอรี่สีทอง” เป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่เริ่มมีการเลี้ยงเชิงธุรกิจกันมากขึ้นในทุกภาคของประเทศ แนวโน้มความนิยมบริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นหอยที่มีโปรตีนสูงถึง 34-53 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 1.66 เปอร์เซ็นต์ และต้นทุนการเลี้ยงต่ำ จุดเด่นของหอยเชอรี่สีทอง เนื้อจะนุ่ม กรอบ คล้ายๆ เนื้อหมึก ไม่เหนียวเหมือนหอยเชอรี่ทั่วไป เนื้อเป็นสีเหลืองทอง เปลือกเป็นสีน้ำตาลปนเหลือง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เป๋าฮื้อน้ำจืด” สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้ง ลวกจิ้ม ผัด ทอด ลาบ ก้อย ยำ แกงคั่ว
ที่อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง มีฟาร์มเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองเช่นกัน ชื่อว่า “สุวิมลฟาร์ม” ตั้งอยู่เลขที่ 92/3 หมู่ที่ 3 ตำบลแหลมสอม อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง
ฟาร์มหอยเชอรี่แห่งนี้เพาะเลี้ยงเพื่อขายให้ลูกค้าที่สนใจซื้อไปกิน หรือจะซื้อไปเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ต่อก็ได้ โดยใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงประมาณ 2 เดือนครึ่ง เริ่มจำหน่ายได้ เน้นจำหน่ายเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ราคาคู่ละ 20-300 บาท จับขายเป็นตัวเพื่อนำไปประกอบอาหารในราคากิโลกรัมละ 150-180 บาท
ทุกวันนี้มีลูกค้าสนใจสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น คุณภักดี คงวัน อายุ 52 ปี และ คุณสุวิมล คงวัน อายุ 48 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของฟาร์มหอยเชอรี่ เปิดเผยว่า ตนเองทราบข่าวว่าเพื่อนที่อยู่อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ได้ทำการเพาะพันธุ์หอยเชอรี่จำหน่าย จึงเกิดความสนใจ สั่งซื้อมาจำนวน 300 คู่ เพื่อทดลองเลี้ยง และได้ศึกษาวิธีการเลี้ยงอย่างจริงจัง โดยแบ่งพื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตร บริเวณสวนปาล์มน้ำมันข้างบ้าน ทำโรงเรือนกางซาแรนสีเขียว ภายในโรงเรือนแบ่งเป็นบ่อพลาสติกย่อยๆ จำนวน 10 บ่อ ประกอบด้วย บ่อสำหรับให้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์วางไข่ บ่ออนุบาล และบ่อขุน พร้อมติดตั้งระบบเติมน้ำและระบายน้ำออกจากบ่อ รวมเงินที่ลงทุนไปประมาณ 20,000 บาท
ขั้นตอนและวิธีการดูแลหอยเชอรี่สีทอง
ขั้นตอนการเลี้ยงไม่ยุ่งยาก แค่เตรียมบ่อเลี้ยงให้พร้อม เติมน้ำในบ่อให้สูงราว 30-40 เซนติเมตร นำแหนหรือพืชน้ำใส่ลงในบ่อ จากนั้นนำพ่อแม่พันธุ์หอยเชอรี่สีทองมาเลี้ยงในบ่อเดียวกัน หลังหอยเชอรี่ผสมพันธุ์ก็จะขึ้นมาวางไข่บริเวณผนังบ่อ จากนั้นประมาณ 7-14 วัน ไข่หอยเชอรี่เปลี่ยนเป็นสีออกน้ำตาลเข้ม เราก็แกะเอาไข่หอยไปอนุบาลในบ่อแยก ประมาณ 45 วันจึงจะนำมาเลี้ยงในบ่อไซซ์ขุน และเริ่มให้อาหารเป็นอาหารเม็ดปลาดุกขนาดเล็ก รวมทั้งพืชน้ำทุกชนิด โดยให้กินพืชที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น ผักบุ้ง ตำลึง ใบหม่อน ชะพลู มันเทศ เตยหอม วันละ 1 ครั้ง ทำการเปลี่ยนน้ำในบ่อทุก 3 วัน เนื่องจากหอยชนิดนี้ชอบอยู่ในน้ำใส หอยที่โตเต็มที่สามารถนำไปเป็นพ่อแม่พันธุ์ได้ จะเป็นหอยที่มีอายุประมาณ 3 เดือน ก็จะย้ายไปเลี้ยงไว้ในบ่อพ่อแม่พันธุ์พร้อมขาย
ช่องทางการตลาด
มีขายออนไลน์ และมีลูกค้าในชุมชนแวะเวียนมาอุดหนุนที่ฟาร์ม ซึ่งการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองนี้ สามารถขายได้ตั้งแต่ไข่ของหอย ราคากิโลกรัมละ 1,500 บาท ไซซ์ขุน ส่วนพ่อแม่พันธุ์ ขายในราคาคู่ละ 20-300 บาท แล้วแต่ขนาด ซึ่งนอกจากจะนำไปเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์แล้ว ยังสามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู โดยตั้งแต่ที่เพาะเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองมาระยะเวลา 5 เดือน ทำให้ครอบครัวของตนเองมีรายได้เพิ่มขึ้น และทางสำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียนได้เข้ามาให้การสนับสนุนทางด้านการประชาสัมพันธ์ โดยมีการทำเฟซบุ๊กไลฟ์ร่วมกับทางฟาร์ม ทำให้ฟาร์มแห่งนี้เป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับผู้ที่สนใจ นำไปเพาะเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมอีกด้วย ส่วนใครสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 095-315-1907 และ 065-860-8478 หรือที่ เฟซบุ๊ก : ภักดี คงวัน เฟซบุ๊ก : สุวิมล คงวัน