ที่มา | ไม้ดอกไม้ประดับ |
---|---|
ผู้เขียน | นิธิพัฒน์ พุฒธรรม |
เผยแพร่ |
เริ่มต้นจากสวนผัก ปรับเปลี่ยนมาเป็นไม้ดอกไม้ประดับที่เพียงต้องการแค่รักษาหน้าดินกลายเป็นอาชีพหลัก สามารถเลี้ยงดูครอบครัวและทำมูลค่ามากมาย จากยุคเก่าสู่ยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป จึงเกิดการปรับตัว
คุณสุทธิพันธ์ บุญใจใหญ่ เกษตรกร อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เล่าว่า ในอดีตบริเวณที่ตนเองอยู่คือตำบลมหาสวัสดิ์ เป็นที่ลุ่มตามท้องถิ่น ขุดเป็นล่องเพื่อทำสวน แต่เกิดน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง จึงคิดว่าถ้าทำสวนผักคงจะไม่ดีแน่ จึงหาต้นไม้ดอกไม้ประดับที่สามารถทนต่อการน้ำท่วมมาปลูก…ไม่ได้คิดที่จะทำเป็นธุรกิจ มีจุดประสงค์เพียงแค่รักษาหน้าดิน
เริ่มต้นที่ พุทธรักษา
คุณสุทธิพันธ์ ได้ศึกษาต้นพุทธรักษา สะสมมาเรื่อยๆ ประมาณ 10 สี เช่น สีแดง สี ส้ม สีชมพู เป็นต้น ทำควบคู่กับสวนผัก จนมาในช่วงปี พ.ศ. 2535 มีผู้สื่อข่าวคนหนึ่ง ชื่อว่า คุณพานิชย์ ยศปัญญา ผู้สื่อข่าวนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน มาทำข่าวเกี่ยวกับปศุสัตว์ ในตอนนั้นมีโครงการเลี้ยงวัว ทางครอบครัวผมเลี้ยงวัวนม จึงมาพบตนเองกำลังทำสวนผัก และมีต้นพุทธรักษาปลูกอยู่เยอะพอสมควร จึงนำไปเขียนข่าวทำให้สังคมได้รับรู้ว่ามีสวนพุทธรักษาสีสันสวยงาม
ตอนนั้น คุณจำลอง ศรีเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่มีนโยบายปลูกต้นพุทธรักษาในกรุงเทพมหานคร พอดีคนที่ต้องการต้นพุทธรักษาไปเสนอขายทางกรุงเทพมหานครมาเจอตนในนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน ทำให้มีการติดต่อซื้อขายกันครั้งแรกที่เป็นจำนวนเยอะๆ ประมาณ 60,000 หน่อ ใช้เวลาส่ง 30 วัน ราคาหน่อละ 6 บาท ตกใจมาก เพราะทำสวนผักมา 7-8 ปี มีเงินเก็บหมื่นกว่าบาท จึงรับปากและเซ็นสัญญา เก็บจากที่สวนของตนเองบ้าง สวนใกล้เคียงบ้าง จนสามารถส่งให้กรุงเทพมหานครได้อย่างครบถ้วน ถือว่าเป็นการเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่ที่ได้รับโอกาสจากนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน ทำให้เกษตรกรที่ไม่มีใครรู้จักที่ต้องต่อสู้กับลมแดด สู้กับดิน กับหนอน สู้กับพ่อค้าคนกลางที่โดนกดราคา ได้มีชื่อเสียง และมาเป็นพุทธรักษาเจ้าแรกของประเทศไทยที่ทำส่งได้เยอะๆ
“ต่อมาพื้นที่แถวนี้ชาวบ้านที่ผิดหวังจากการปลูกผักและกลายเป็นที่รกร้าง ผมจึงได้โอกาสเช่าพื้นที่ของชาวบ้านมาปลูกต้นพุทธรักษา จนมีชื่อเสียงมากขึ้นทำให้ นักข่าว กลับมาทำข่าวซ้ำอีกครั้งทำให้ได้ออกรายการ ไม่ลองไม่รู้ ของคุณเด่น ดอกประดู่ ที่มาพร้อมกับหนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน ผมจึงรู้ทันทีว่าคุณเด่นรู้จักผม จากหนังสือเล่มนี้ ทำให้ผมได้ออกสื่อโทรทัศน์บ้าง จนรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับ… เสือติดปีก…ตัวผมเองไม่ได้เป็นเกษตรกรที่ขยัน แค่ทำสวนไปตามอาชีพของเรา แต่โอกาสที่ทำให้เราได้รับการเปิดตัวนั้นสำคัญ เพราะเกษตรกรต่างจังหวัดไม่มีใครรู้จักอยู่ในป่าบ้างไร่นาบ้าง ได้รับการช่วยเหลือจากสื่อต่างๆ ที่คอยประชาสัมพันธ์ให้” คุณสุทธิพันธ์ บอก
การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา
เฮลิโคเนีย ดังเป็นพลุแตก
คุณสุทธิพันธ์ เล่าว่า ทำต้นพุทธรักษาได้ประมาณ 4-5 ปี เมื่อทำอะไรที่ได้รับความนิยมจะเกิดคู่แข่งจากสวนใกล้ๆ เพิ่มมากขึ้น เป็นปกติของเกษตรกร ที่อำเภอบางกรวย มีเกษตรกรปลูกต้นพุทธรักษาเต็มไปหมด เยอะขนาดที่สามารถหาได้เป็น 100,000 หน่อ จนเกิดการแข่งขันขึ้น ทำให้ตนมองว่าถ้าซ้ำกันจะกลายเป็นแข่งขันกันเอง เลยคิดที่จะหาไม้ชนิดอื่น ที่คล้ายกับต้นพุทธรักษา กันน้ำท่วมและสามารถรักษาหน้าดินได้เหมือนกัน จนได้ไปเจอไม้ชนิดหนึ่งในตอนนั้นยังไม่รู้จัก ไม้ชนิดนั้นมีชื่อว่า ก้ามกุ้ง มีดอกสีเหลืองดูคล้ายกับต้นพุทธรักษา ก้ามกุ้ง ดอกจะทนกว่าต้นพุทธรักษาดอกจะบานและค่อยๆ ร่วง แต่ดอกของก้ามกุ้งจะอยู่ได้เป็นเดือนๆ ก็เลยไปขอเขามาทดลองปลูก 1 หน่อ ในตอนนั้นยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก เริ่มลองทำขายปรากฏว่าขายได้ 15 บาท แพงกว่าต้นพุทธรักษา และคนที่เข้ามาซื้อกับผมเขาก็มีพันธุ์อยู่บ้าง จนได้รู้ว่า ต้นก้ามกุ้ง เป็นเฮลิโคเนียสายพันธุ์หนึ่ง เขาก็เลยแบ่งต้นเฮลิโคเนีย สีแดงชื่อว่า รุมบ้า มาให้ ในตอนนั้นแปลกใจมากเพราะว่าไม่เคยเห็น ศึกษาไปจึงได้รู้ว่าไม้ตัวนี้เป็นไม้เขตร้อนทางฝั่งอเมริกาใต้ มีชื่อเรียกไม่เหมือนกันในแต่ละสี เช่น สีเหลือง เรียกว่าพันธุ์โกลเด้นทอร์ช สีชมพูดอกห้อยย้อย เรียกว่าพันธุ์เซ็กซี่พิ้งค์ สีส้มพันธุ์อันโดรเมดา สีแดงออกครีมๆ พันธุ์เลดี้ได จึงเริ่มปลูกเฮลิโคเนียสีต่างๆ แทรกกับต้นพุทธรักษา ค้นหาสีแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็น ไม่รู้จัก ไปขอซื้อเขามา ถ้าคนไหนไม่ขายก็ขอแลกเปลี่ยนกันจนรวบรวมเฮลิโคเนียทั้งดอกใหญ่และดอกเล็กได้ 40-50 ชนิด สีของเฮลิโคเนียในโลกมีร้อยกว่าชนิด เป็นพืชตระกูลกล้วย เมื่อเฮลิโคเนียได้รับความนิยมก็เริ่มทำขายแทนต้นพุทธรักษา เฮลิโคเนียนอกจากจะเป็นต้นไม้ประดับแล้ว สามารถตัดดอกไปจัดแต่งแจกันได้อีกด้วย
“ถ้าเป็นต้นพุทธรักษาโอกาสที่จะใช้ดอกจัดแจกันมีน้อย เพราะเป็นดอกไม้บานวันต่อวัน แต่เฮลิโคเนียสามารถอยู่ได้เป็นเดือนๆ ต่อมาเริ่มมีการหาซื้อพันธุ์ดอกใหญ่แล้วก็ตัดดอกนำไปขาย ดอกละ 25 บาท เรียกว่า บิ๊กบัด ดอกใหญ่ๆ สีแดงๆ สามารถพบเห็นได้ตามท้องตลาดจนนักข่าวที่มาทำข่าวบริเวณนี้พอดีเข้ามาเยี่ยมเยือน ว่าต้นพุทธรักษา ของผมเป็นอย่างไรบ้างก็มาเจอ เฮลิโคเนีย จึงนำไปทำข่าวอีก คนก็เลยเริ่มรู้แล้วว่า คุณสุทธิพันธ์ บุญใจใหญ่ ไม่ได้ทำต้นพุทธรักษาอย่างเดียวแล้ว ทำเฮลิโคเนียด้วย ทำให้เกิดกำลังซื้อของคนที่จัดสวน ซึ่งในช่วงปี พ.ศ. 2539 โครงการหมู่บ้านจัดสรรกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น หมู่บ้านจัดสรรในช่วงนั้นจะเป็นบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่กว้างไว้จัดสวน จึงมีการซื้อเฮลิโคเนียจากเกษตรกรไว้จัดสวน เป็นสไตล์บาหลี หรืออีกชื่อคือ สไตล์ท็อปปิค ที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วงนั้น ทำให้มีหมู่บ้านโครงการต่างๆ มาซื้อผมมากกว่า 1,000 กระถาง ทำให้ผมสามารถตั้งหลักได้ ความสำคัญของข่าวที่ได้ออกไปอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ลูกค้าได้รู้จักผมมากขึ้น ขายดิบขายดี ทำไปได้สักพักก็เกิดการแข่งขันขึ้นอีก จากที่ขายได้ราคาก็ถูกลงจนเหลือเพียงแค่ 2-3 บาท จนทำไม่ไหว ผมก็เลยหาหนทางอื่น แต่ยังคงขายเฮลิโคเนีย และต้นพุทธรักษาอยู่” เกษตรกรคนเก่ง เล่า
ยกระดับราคากล้วย
คุณสุทธิพันธ์ เล่าว่า ตนเองกลับมาอยู่ในจุดที่หาพืชอื่นๆ ที่มีคู่แข่งขันน้อย ก็เลยมองไปที่กล้วย ก่อนที่จะทำสวนผัก ตนเองได้รับกล้วยพันธุ์แปลกมาชนิดหนึ่ง ซึ่งแปลกมากในตอนแรกคิดว่าเป็นกล้วยหักมุก แต่ดูคล้ายกับกล้วยน้ำว้า จึงไปศึกษาพันธุ์กล้วยเพิ่มเติม ปรากฏว่ากล้วยนั้นมีหลายพันธุ์หลายชนิดมากมาย จึงเริ่มจากการสะสมเอากล้วยมาปลูกแทรกๆ เฮลิโคเนีย และต้นพุทธรักษา มันแทรกกันได้อยู่ เพราะเฮลิโคเนียกับต้นพุทธรักษา ใกล้เคียงกับกล้วย เพราะเป็นพืชตระกูลใกล้เคียงกัน สะสมไปได้สักพักจึงเกิดความสงสัยว่า ทำไมกล้วยถึงมีความสำคัญ ถูกนำไปใช้ในพิธีศาสนาต่างๆ ทั้งศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ แม้แต่งานแต่งงานก็ใช้กล้วยเหมือนกัน ก็ศึกษาต่อไป ในช่วงนั้นมีคนที่คุณพานิชย์ ยศปัญญา รู้จักกำลังศึกษาเรื่องกล้วยอยู่ ชื่อ อาจารย์สมรรถชัย ฉัตราคม ได้มาพบกันจึงเกิดเป็นชมรมกล้วยขึ้นมา จากกล้วยหน่อละ 2-3 บาท พอทำชมรมกล้วยขึ้นมามีการจำหน่ายพันธุ์กล้วย เปลี่ยนเป็น หน่อละ 10 บาท กล้วยพันธุ์ที่หายาก อย่างเช่น กล้วยร้อยหวี 150 บาท กล้วยน้ำว้านวลจันทร์ ที่เราคิดว่ามันแปลกดี ขายได้หน่อละ 250 บาท กล้วยเทพพนม หน่อละ 700 บาท ทำให้กล้วยได้รับความนิยมขึ้นมากอีก
“ทุกวันนี้คนนำพันธุ์กล้วยไปออกตลาดขายเป็นอาชีพ เวลาไปงาน เกษตรแฟร์ ก็จะสามารถพบเห็นมีคนนำเครือกล้วยมาแขวน เกิดขึ้นมาจากการตั้งชมรมกล้วย เราจึงได้โอกาสมีพันธุ์กล้วยที่แปลกก็ไปขอรวมขายกับเขาและได้ทำพันธุ์กล้วยขาย ใช้เวลาร่วม 10 ปี ตั้งแต่ ต้นพุทธรักษา เฮลิโคเนีย จนมาถึงกล้วย” คุณสุทธิพันธ์ เล่า
ต้นไม้ดอกไม้ประดับต้นเล็กๆ สร้างรายได้
คุณสุทธิพันธ์ บอกว่า ผ่านมาได้สักพักหนึ่งพื้นที่บริเวณนี้มีความเจริญมากขึ้น ทำให้จากที่ดินเช่าก็ขายให้กับหมู่บ้านจัดสรรจนหมด ทำให้คุณสุทธิพันธ์ หาที่ดินเช่าได้ยาก จึงหันมาปลูกต้นไม้ต้นเล็ก ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีอยู่ และไม่ต้องมีแรงงานเยอะ เช่น ต้นหยกนำโชค ต้นว่านหางจระเข้ด่าง เป็นต้น ก็สามารถมีรายได้เข้ามาได้ ทำให้ครอบครัวมีรายได้ไม่ต้องเสียค่าแรงงาน ปัจจุบัน โครงการหมู่บ้านใหญ่ๆ จะไม่ค่อยมีเนื้อที่ ส่วนใหญ่จะเป็นทาวน์เฮ้าส์ ที่มีพื้นที่แค่เล็กน้อยไม่สามารถจัดสวนได้แบบเมื่อก่อน ก็เลยหันมาทำไม้เล็กและไม้ที่เป็นกระถางเอาไว้แขวน เอาไปตั้งโต๊ะทำงานได้
ต้นไม้ภายในสวน
เจ้าของแนะนำต้นไม้บางส่วน ดังนี้
หยกนำโชค … ที่สนใจปลูกเพราะว่าเป็นต้นไม้ใช้พื้นที่น้อย ไม่ต้องใช้น้ำเยอะสามารถทนแล้งได้ เนื่องจากพื้นที่น้อยมีแค่ประมาณ 2 งาน แล้วปัญหาหลักคือไม่มีแหล่งน้ำ สาเหตุที่ชื่อนี้เพราะว่าใครที่นำต้นหยกนำโชคเข้าบ้านก็จะได้โชค ถูกรางวัล และมีสีเขียวสวย
ว่านหางจระเข้ด่าง … มีสรรพคุณเด่น ที่เอาไว้ทำน้ำดื่มได้ นอกจากจะมีประโยชน์แล้วยังมีความสวยงาม เป็นไม้พันธุ์ด่างมีลวดลายสวยงาม ทนแล้ง ส่วนใหญ่จะนำไปจัดสวนหย่อมเล็กๆ
ผักชีฝรั่ง … เอานำมาใส่กระถางแขวน ให้ความสวยงาม ลงทุนปลูกทีเดียวสามารถแบ่งหน่อไปได้เรื่อยๆ ไม่ต้องลงทุนหลายรอบ
เล็บครุฑ … พันธุ์ใบกระทง เลี้ยงให้ใบใหญ่ๆ สามารถนำไปใส่อาหารได้ เช่น กล้วยแขก ลาบ สำหรับจัดจานเป็นกระทง กำลังได้รับความนิยม มีราคาประมาณ 200-300 บาท
เบี้ยเงิน … เป็นต้นไม้ที่ในตลาดกำลังต้องการ เป็นไม้อวบน้ำ มีความทน ดูแลง่าย สามารถไม่รดน้ำได้เป็นสัปดาห์ ทนแล้ง
ถึงพื้นที่จะมีน้อยแต่ก็สามารถดึงดูดใจลูกค้าได้จากความหลากหลายของสวน ยังมีอีกมากมาย เช่น ต้นรวยไม่เลิก ต้นฟิโลเดนดรอน ต้นเศรษฐีเรือนนอก เป็นต้น
ปลูกไม่ยาก ดูแลง่าย
ได้รับคำแนะนำว่า ถ้าใครไม่มีวัสดุสามารถใช้วัสดุจากธรรมชาติได้ เช่น ใบหญ้า เศษไม้ผุ แต่ที่สวนทำเป็นธุรกิจค้าขายสามารถหาวัสดุปลูกได้ จึงใช้ขุยมะพร้าวผสมแกลบดำ ถ้าเป็นไม้ต้นใหญ่ก็จะใช้กาบมะพร้าวสับ อัตราส่วน กาบมะพร้าวสับ 3 ส่วน ดิน 1 ส่วน จะทำให้มีความเบาสามารถระบายน้ำได้สะดวก ถ้าใช้ดินปลูกอย่างเดียวดินจะแน่น จะทำให้ต้นไม้ไม่สวยงาม
ศัตรูพืชที่พบ
ถ้าเป็นพืชผักมีศัตรูพืชอยู่แล้ว แต่ไม้ดอกไม้ประดับจะมีน้อย จะมีพวกเพลี้ยเป็นหลัก…ระบาดช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว ใช้ยาเส้นหมัก หรือน้ำสะเดาพ่น เคล็ดลับในการไล่เพลี้ยคือ ปัสสาวะ เพราะว่าเพลี้ยเกลียดแอมโมเนียที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์มาก
‘‘สวนของผมยินดีต้อนรับ ต้นไม้มีให้เลือกหลากหลาย ราคาเป็นกันเอง มีทั้งแจกและแถม’’ เขาเชิญชวน
คุณสุทธิพันธ์ อยู่บ้านเลขที่ 102/5 หมู่ที่ 7 ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี อยู่ใกล้กับโรงเรียนวรรัตน์ศึกษา นนทบุรี เบอร์โทรศัพท์ (098) 267-2435 คุณสุทธิพันธ์ บุญใจใหญ่ และ (087) 693-5125 (ลูกสาว)
………
เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อ