เกษตรกรสุราษฎร์ธานี เลี้ยงโคขุน สร้างรายได้

“โคขุน” นับเป็นสินค้าเกษตรทางเลือกที่มีศักยภาพการผลิตในพื้นที่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี สร้างรายได้ดีให้เกษตรกร ปัจจุบันเกษตรกรนิยมเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมจากการทำการเกษตรเป็นหลัก ข้อมูลจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ณ เดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมาพบว่า พื้นที่การเลี้ยงครอบคลุมทั้ง 19 อำเภอ พบการเลี้ยงมากที่สุดในอำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอคีรีรัฐนิคม และอำเภอไชยา โดยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวม 200 ราย จำนวนโคขุนรวมทั้งจังหวัด 866 ตัว

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 8 สุราษฎร์ธานี (สศท.8) ติดตามสถานการณ์การผลิตโคขุนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบว่า ปัจจุบัน เกษตรกรมีการเลี้ยงแบบรวมกลุ่ม และเลี้ยงแบบรายเดียว ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงโคขุน คือ คุณปรีชา เรืองแสง เศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.) จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นสมาชิกของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคขุนอำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

คุณปรีชา เล่าว่า เริ่มจากการเป็นเกษตรกรทำสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน แต่ปัจจุบันราคายางพาราและปาล์มน้ำมันไม่แน่นอน ปุ๋ยราคาสูง ประกอบกับอยากมีรายได้เสริมที่สามารถสร้างอาชีพ หลังจากนั้นได้มีโอกาสศึกษาดูงานเกี่ยวกับการเลี้ยงโคขุนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำพงแสน และศึกษาจากเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกลุ่มที่เลี้ยงจนประสบความสำเร็จ จึงได้นำความรู้จากการศึกษาดูงานมาประยุกต์ใช้กับฟาร์มของตนเอง และพัฒนาจนประสบความสำเร็จมากว่า 10 ปี

สำหรับการเลี้ยงโคขุน คุณปรีชาจะซื้อโคที่มีอายุประมาณ 2 ปี มาขุนต่ออีกประมาณ 5-6 เดือน โดยในระยะเวลา 1 ปี สามารถเลี้ยงได้ 2 รุ่น ซึ่งจะต้องให้ฟางกินก่อนในช่วงแรกประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อให้โคปรับตัว เพราะโคมาจากหลายที่ บางทีอาจจะไม่เคยกินทางปาล์มน้ำมันสับมาก่อน จากนั้นในช่วงเช้าจึงให้อาหารข้นผสมกากปาล์มน้ำมันหรือกากถั่วเหลือง วันละ 1 ครั้ง ช่วงเย็นให้กินฟางแห้งสลับกับหญ้าหรือทางปาล์มน้ำมันสับซึ่งหาได้จากในสวนของตนเองและสามารถลดต้นทุนลงได้ สำหรับในช่วง 2 เดือนก่อนขาย ในช่วงเช้าจะให้อาหารผสมข้นเพิ่มขึ้น ช่วงเย็นก็จะให้ฟางแห้งสลับกับหญ้า หรือทางปาล์มน้ำมันสับ และให้น้ำหมักผสมน้ำให้โคอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งเพื่อลดกลิ่นในเนื้อโคได้ ในส่วนของมูลโคก็จะนำไปใส่ในสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันช่วยลดค่าใช้จ่ายในสวนได้

Advertisement

 

Advertisement

ขณะที่ ต้นทุนในการเลี้ยงโคขุน พบว่า มีต้นทุนเฉลี่ย 41,000 บาทต่อตัว แบ่งเป็น ราคาพันธุ์โคสำหรับนำไปขุนประมาณ 30,000 บาท ซึ่งพันธุ์โคของคุณปรีชาจะมีอายุเฉลี่ย 2 ปี (น้ำหนัก 350-400 กิโลกรัมต่อตัว) และเป็นต้นทุนค่าอาหาร เวชภัณฑ์และอื่นๆ อีกประมาณ 11,000 บาท โดยคุณปรีชาจะเลี้ยงโคขุนให้ได้น้ำหนักตามเกณฑ์ประมาณ 400-600 กิโลกรัมต่อตัว และจำหน่ายในราคา 55,800 บาทต่อตัว (93 บาทต่อกิโลกรัม) หรือคิดเป็นผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 14,800 บาทต่อตัว โดยส่วนใหญ่คุณปรีชาจะจำหน่ายโคขุนให้กับพ่อค้าคนกลางซึ่งเป็นผู้รวบรวมทั้งในและนอกจังหวัด ซึ่งพ่อค้าคนกลางอาจจะส่งขายทั้งในประเทศหรือส่งออกต่อไปยังประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ แล้วแต่ความต้องการของตลาดและราคาที่จำหน่ายได้

สำหรับโคขุนถือเป็นการเลี้ยงโคที่ยังอายุน้อยให้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ โดยการให้อาหารแก่โคที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ทั้งอาหารหยาบและอาหารข้นอย่างเต็มที่ ในสภาพการเลี้ยงแบบขังคอกอย่างเดียวหรือร่วมกับการปล่อย ซึ่งแล้วแต่การเลี้ยงของแต่ละคน โดยโรคที่ต้องระมัดระวังจะเกิดขึ้นกับโคเนื้อ ส่วนใหญ่มักจะเป็นโรคทั่วๆ ไป อย่างเช่น โรคปากเท้าเปื่อย เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนสภาพอากาศชื้น ส่งผลให้เกิดโรคได้ง่ายโดยจะมีการรักษาด้วยการฉีดยาป้องกันทุก 6 เดือน รวมทั้งฉีดถ่ายพยาธิและให้ยาบำรุง เป็นต้น หากท่านใดสนใจข้อมูลการผลิตและเทคนิคการเลี้ยงโคขุนของคุณปรีชา เรืองแสง สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 086-267-9255