ที่มา | เก็บมาเล่า |
---|---|
ผู้เขียน | เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์ |
เผยแพร่ |
หากใครทำฟาร์มเห็ดอยู่แล้ว สามารถหารายได้เสริมได้โดยนำมูลเห็ด หรือมูลดินที่เหลือใช้จากการเพาะเห็ดฟางในโรงเรือนมาผลิตเป็นดินสำหรับปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นสินค้าขายดี เป็นที่ต้องการของตลาดทั่วไป เช่นเดียวกับ นางศิริกานต์ ธาตุมณี เกษตรกรบ้านโพนธาตุ หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านว่าน อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ผู้ผลิตดินปลูกต้นไม้ภายใต้ชื่อ “ศิริกานต์” และ “ศิริชัย” ที่มียอดจำหน่ายกว่า 20,000 ถุง/เดือน
จุดเริ่มต้นของกิจการแห่งนี้ เกิดจากเกษตรกรรายนี้ ทำกิจการเพาะเห็ดและมีดินที่เหลือจากการเพาะเห็ดจำนวนมากจนไม่รู้จะเอาไปทำอะไร จึงทดลองนำไปใส่อ้อย ข้าว ปรากฎว่าได้ผลดี จึงลองผิดลองถูก สร้างมูลค่าเพิ่มวัตถุดิบเหลือใช้ได้จนได้สูตรดินปลูกที่ลงตัวและได้ผลดีมากที่สุด
นำดินปลูกต้นไม้ไปจำหน่ายตามร้านขายพันธุ์ไม้ ระยะแรกแนะนำสินค้าเข้าสู่ตลาดโดยให้ลูกค้าทดลองใช้สินค้าก่อน 10 ถุง หากใช้แล้วพืชผักโตเร็ว ใบเขียวนาน ค่อยโทร.ติดต่อกลับมา พร้อมแจกนามบัตรตามร้านไว้ทุกร้านในเขตอำเภอท่าบ่อ อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย อำเภอบ้านผือ น้ำโสม และนายูง จังหวัดอุดรธานี กลยุทธ์บุกตลาดวิธีนี้ได้ผลตอบรับที่ดี ทำให้มีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 10-20% ทุกเดือน
สำหรับวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตดินปลูกต้นไม้นั้น นอกจากใช้มูลดินที่เหลือจากการเพาะเห็ดฟางแล้ว ยังรับซื้อวัตถุดิบจากสมาชิกกลุ่มเพาะเห็ดฟางด้วย โดยทั่วไปสามารถรับซื้อวัตถุดิบเหลือใช้จากฟาร์มเห็ดแต่ละแห่งได้มูลดินประมาณ 2 ตัน ซื้อในราคากิโลกรัมละ 50 สตางค์
และใช้มูลวัวเป็นส่วนผสมด้วย ซึ่งมาจากมูลวัวที่เลี้ยงเองและรับซื้อมูลวัวจากเกษตรกรในหมู่บ้านที่เลี้ยงวัวจำนวนมากๆ โดยซื้อเหมาฟาร์มรายละ 4,000-5,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ชานอ้อย จากอุดรธานี ขุยมะพร้าว จากสุราษฎร์ธานี และแกลบดำ จากอำเภอศรีบุญเรือง รวมถึงรำอ่อน อาหารเห็ด กากมันสำปะหลัง เป็นต้น
หลังหักค่าใช้จ่าย มีรายได้จากการดินปลูก ไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท/เดือน รวมกับรายได้จากการจำหน่ายเห็ดแล้ว มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท/เดือนทีเดียว