วิสาหกิจชุมชนต้นบุญ เพิ่มมูลค่าผลผลิตงา ด้วยการแปรรูป ผลิตภัณฑ์ขายได้ราคามากขึ้น

คุณรุ่งโรจน์ คำมาสาร ประธานกรรมการวิสาหกิจชุมชนต้นบุญ อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 2 ตำบลห้วยผา อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เล่าว่า งาถือเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยชาวบ้านปลูกกันมาอย่างช้านาน เมื่อผลผลิตออกมาในสมัยก่อนก็จะขายแบบผลผลิตทั่วไป จึงทำให้ราคาที่ได้เป็นไปตามกลไกลของตลาด ไม่สามารถกำหนดราคาได้ ต่อมาจึงมีแนวความคิดด้วยการเพิ่มมูลค่า คือ นำมาทำการแปรรูปเพื่อให้ผลผลิตขายได้ราคาเพิ่มมากขึ้น

“ในสมัยก่อนชาวบ้านก็จะปลูกกันมาก พอผลผลิตเริ่มมีมากก็จะไม่มีที่ขาย จึงทำให้ได้ราคาไม่ดีเท่าที่ควร ต่อมาจึงได้มีความคิดที่จะรวมกลุ่มกัน เพื่อนำมาแปรรูป โดยให้อยู่ภายใต้มาตรฐานจีเอ็มพี(GMP) โดยนำงาดิบมาทำการแปรรูป เพื่อรักษาคุณค่าทางอาหารที่มีอยู่ในงา จึงมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด” คุณรุ่งโรจน์ บอก

คุณรุ่งโรจน์ บอกว่า งาที่ทำการแปรรูปออกมาแล้วจะได้เป็นน้ำมันงา ที่ใช้กินสดคู่กับผักสลัดหรือจะผสมกับอาหารทั่วไป โดยทานวันละ 1 ช้อนโต๊ะ ซึ่งงาแต่ละชนิดมีประโยชน์แตกต่างกัน เช่น งาดำจัดว่าให้แคลเซียมสูง ส่วนงาขาวจะมีวิตามินอีสูง จึงถือได้ว่ามีคุณประโยชน์ต่อร่างกายเพราะจัดว่าเป็นไขมันดี      “การบริโภคนำมันงา ทางการแพทย์บอกว่าไม่ควรกินเกินวันละ 2 ช้อนชา ซึ่งเมื่อเทียบกับไขมันอื่นๆ ตลอดทั้งวันที่เราบริโภคไม่ควรเกิน 6 ช้อนชา แต่งาที่เรานำมาแปรรูปน้ำมันงานี่ ถือว่าเป็นไขมันดีที่มีประโยชน์ ดังนั้นการกินก็สามารถกินได้ตามที่กำหนด ก็จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยการผลิตน้ำมันงา จะใช้งาประมาณ 12 กิโลกรัม สามารถผลิตน้ำมันงาได้ 2 ลิตรครึ่ง เมื่อแปรรูปแล้วก็สามารถขายได้ครั้งละ 2,500-3,000 บาท เมื่อเทียบกับงาดิบ 12 กิโลกรมขายได้อยู่ที่ 1,000 กว่าบาท ดังนั้นการแปรรูปจึงเพิ่มมูลค่าได้ดีกว่า” คุณรุ่งโรจน์ อธิบาย

งาที่ผ่านกระบวนการแปรรูปจนมาเป็นน้ำมันงาแล้ว คุณรุ่งโรจน์ บอกทิ้งท้ายให้ฟังว่า สามารถเพิ่มมูลค่าขายได้อย่างดี โดยขนาดขวด 30 ซีซี ขายอยู่ที่ขวดละ 50 บาท ซึ่งตอนนี้ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต้นบุญก็ทำขายอยู่ภายในประเทศ จึงถือว่าการทำด้วยวิธีนี้สามารถเพิ่มมูลค่าที่ดี และที่สำคัญทำให้ชุมชนมีอาชีพที่มั่นคงได้อีกด้วย

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณรุ่งโรจน์ คำมาสาร หมายเลขโทรศัพท์ (089) 953-9672 , (093) 140-4964