ตลาดเกษตรอินทรีย์ อำนาจเจริญ คึกคัก เพราะผู้คนใส่ใจสุขภาพ

ที่จังหวัดอำนาจเจริญมีชาวบ้านรวมกลุ่มขนาดใหญ่เพื่อร่วมกันทำเกษตรอินทรีย์ โดยระยะแรกอาจประสบปัญหาทางด้านกระบวนการที่ยุ่งยากและซับซ้อนในรายละเอียดอยู่บ้าง แต่ด้วยความตั้งใจจริง มีความขยันหมั่นเพียร ไม่ท้อถอยต่อปัญหาหรืออุปสรรคใด ก็สามารถสอบผ่านพร้อมกับก้าวไปสู่ความเป็นมาตรฐานของเกษตรอินทรีย์ในระดับสากล

“ตลาดนัดสีเขียว” คือชื่อตลาดนัดเกษตรอินทรีย์ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกวันพุธ บริเวณลานหอนาฬิกาจังหวัดอำนาจเจริญ ภายในตลาดเกษตรอินทรีย์แห่งนี้มีผู้ค้าที่เป็นเกษตรกรตัวจริงนำสินค้าปลอดภัยต่อสุขภาพมาขาย ไม่ว่าจะเป็นพืช ผัก ผลไม้ ข้าว กระทั่งอาหาร ในราคาไม่แพง

ว่าที่ร้อยโท สุธรรม ละครรำ พาณิชย์จังหวัดอำนาจเจริญ

คุณลำพูน ขันทอง ผู้จัดการตลาด กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของตลาดเกษตรอินทรีย์มาจากการปลูกข้าวอินทรีย์เมื่อปี 2554 จนประสบความสำเร็จขายดีมาก หลังจากนั้น ได้ขยายผลต่อยอดไปยังกลุ่มพืช ผัก และผลไม้ จึงเกิดเป็นตลาดนัดสีเขียวแห่งนี้เมื่อปี 2556 แล้วยังเป็นตลาดนัดเกษตรอินทรีย์ที่ผู้ผลิตทุกรายได้รับรองมาตรฐานในระดับสากล

พอในปี 2557 ได้เพิ่มเป็นตลาดเกษตรกรที่นำสินค้าระดับมาตรฐานความปลอดภัยหรือ GAP มาจำหน่ายควบคู่ไปด้วย จึงจัดออกเป็น 2 กลุ่ม เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค แล้วเรียกชื่อตลาดว่า “ตลาดนัดสีเขียวและเกษตรกร อำนาจเจริญ” พร้อมกับใส่กิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามา เพื่อสร้างความบันเทิง สาระ และแรงจูงใจให้ผู้บริโภคเดินทางเข้ามาในงาน

ผัดสลัดอินทรีย์มีสีเขียวสด ใบใหญ่

สำหรับประเภทสินค้าในกรณีเป็นสินค้าอินทรีย์จะถูกควบคุมผลผลิตที่นำมาจำหน่ายเพื่อรักษามาตรฐาน จึงมีเพียงพืช ผัก และผลไม้ (เล็กน้อย) หรือข้าวอินทรีย์ แต่สำหรับตลาดเกษตรกรถึงจะมีข้อจำกัดน้อยกว่าแต่ยังต้องเน้นความปลอดภัยเรื่องการใช้เคมีในระดับควบคุมก็สามารถนำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมาจำหน่ายได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นปลา ไก่ เนื้อ แต่ทั้งนี้สินค้าทุกชนิดจะต้องผ่านเกณฑ์การรับรองมาตรฐานปลอดภัย GAP จากหน่วยงานราชการทุกชนิด

คุณลำพูน ขันทอง ผู้จัดการตลาด

คุณลำพูน บอกว่า ลูกค้าส่วนมากที่มาจับจ่ายจะมาซื้อสินค้าประเภทพืชผักในจำนวนที่มากพอสำหรับเก็บไว้บริโภคตลอดทั้งอาทิตย์ พอหมดแล้วก็กลับมาซื้ออีกครั้งในวันพุธต่อไป เพราะผักที่จำหน่ายเป็นอินทรีย์อย่างแท้จริงจึงสามารถเก็บได้ในตู้เย็นเป็นอาทิตย์

“สินค้าอินทรีย์ถ้าตั้งใจทำแล้วควรมีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพ นั่นหมายถึงศรัทธาของผู้บริโภคที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ความต้องการของตลาดอินทรีย์ไม่เคยลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น แล้วถ้าสามารถผลิตอาหารอินทรีย์ได้ตามมาตรฐาน ยังไงก็ขายได้ เพียงแต่อย่ามาทำลายศรัทธาเท่านั้น เพราะคงสร้างใหม่ยากแน่”

คุณจำปา สุวไกร

อีกท่านที่เป็นลูกค้าขาประจำของตลาดแห่งนี้คือ ว่าที่ร้อยโท สุธรรม ละครรำ พาณิชย์จังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า ตนเองมักจะแวะมาซื้อพืชผัก และอาหารอินทรีย์ที่ตลาดนัดอินทรีย์แห่งนี้ที่จัดขึ้นบริเวณหอนาฬิกาเป็นประจำทุกวันพุธ เพราะว่าพืช ผัก ผลไม้ และอาหารอินทรีย์ที่นำมาขายได้รับมาตรฐานอินทรีย์

พาณิชย์จังหวัดบอกถึงแนวทางการส่งเสริมสินค้าอินทรีย์ว่า ความจริงตลาดผู้บริโภคสินค้ากลุ่มนี้มีขนาดกว้าง มีผู้คนสนใจทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก อีกทั้งผู้บริโภคมีอำนาจการซื้อเต็มที่ เพียงแต่พบปัญหาจากผู้ผลิตคือเกษตรกรหรือชาวบ้าน ยังผลิตได้จำนวนไม่มากพอ

ข้าวอินทรีย์

“เนื่องจากไม่ผ่านกระบวนการรับรอง เพราะผู้ผลิตสินค้าอินทรีย์ที่ความสำเร็จอย่างแท้จริงต้องเริ่มจากความสนใจ ทุ่มเท ใส่ใจ มีความซื่อสัตย์ จึงเห็นได้ว่ากลุ่มผู้ผลิตที่นำสินค้าอินทรีย์มาขายตลาดแห่งนี้ทุกคนล้วนมีความมานะ อดทน พร้อมกับมุ่งมั่นใส่ใจเต็มที่ แล้วผลลัพธ์ที่ปรากฏให้เห็นจึงเป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจ”

ว่าที่ร้อยโท สุธรรม ชี้ว่า พืชผักอินทรีย์ที่ตลาดแห่งนี้หากใครไม่เคยมาคงคิดว่ามีราคาสูงแน่ แต่ขอบอกว่าราคาที่ขายถูกกว่าตามตลาดนัดทั่วไป อย่างผักขายเพียงกำละ 10 บาทเท่านั้น ทั้งถูกและปลอดภัยจริงๆ จะไปหาซื้อที่ไหนได้อีก อย่างที่ผมหิ้วมานี้ทั้งหมดถุงใหญ่จ่ายไปเพียง 100 บาทเท่านั้น

งานหัตถกรรมมีขายด้วย

“การรวมตัวกันของชาวบ้านที่ผลิตผักอินทรีย์นับเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่มากของจังหวัดนี้ แล้วยังเป็นกลุ่มที่มีความเข้มแข็งมาก ขณะเดียวกัน ได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากทุกหน่วยงาน รวมถึงทางกระทรวงพาณิชย์ด้วยเพื่อช่วยหาช่องทางการตลาดที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อช่วยระบายสินค้าออกให้ถึงมือผู้บริโภคได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงแต่ขอให้ผู้ผลิตสินค้าอินทรีย์ทุกคนมีความซื่อสัตย์แล้วพร้อมที่จะผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานตามการศรัทธา และความเชื่อถือของผู้บริโภค”

คุณจำปา สุวไกร ประธานกลุ่มตลาดอินทรีย์ และเป็นหนึ่งในผู้ขาย บอกว่า ผักที่นำมาขายเป็นผักสลัด จำนวน 6 ชนิด ตลอดจนผักสมุนไพรหลายชนิด โดยทุกอย่างปลูกเอง ทำมาได้ประมาณ 15 ปี โดยก่อนหน้านี้ปลูกผักด้วยการใช้สารเคมีเป็นหลัก จนถึงช่วงหนึ่งพบว่าสุขภาพแย่ลง เป็นไขมันพอกตับนานถึง 4 ปี

สมาชิกกลุ่มผักอินทรีย์

“เมื่อเปลี่ยนมาปลูกผักแบบอินทรีย์ล้วน ปรากฏว่าการเจ็บป่วยที่เคยเป็นหายไปในช่วงเวลาเพียง 6 เดือน สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองทำให้พิสูจน์ได้ว่าสารเคมีเป็นโทษ และอินทรีย์เป็นคุณต่อสุขภาพอย่างแท้จริง”

คุณจำปา บอกว่า การทำเกษตรอินทรีย์ไม่ได้ยากอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะเพียงแค่หยุดใช้สารเคมี แล้วเปลี่ยนมาทำตามขั้นตอนและกระบวนการของอินทรีย์ อีกทั้งควรใช้วัตถุดิบที่อยู่ในพื้นที่เป็นหลัก เพียงแค่นี้ก็ประสบความสำเร็จ และปัจจุบันทางกลุ่มได้รับการรับรองมาตรฐานจากสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ หรือ IFOAM

มุมนี้นั่งฟังเพลงแล้วรับประทานอาหารแบบสบาย

ด้านตลาดจำหน่าย นอกจากจะนำมาขายที่ตลาดนัดเกษตรอินทรีย์แห่งนี้ในทุกวันพุธแล้ว ยังได้ส่งผลผลิตทั้งหมดของกลุ่มเข้าไปขายที่ห้างท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ในกรุงเทพฯ ผ่านผู้แทนเพื่อกระจายสินค้าไปทั่วประเทศ

เมื่อถามถึงรายได้หรือผลกำไร คุณจำปากล่าวอย่างภูมิใจว่า แม้รายได้จากการขายสินค้าอินทรีย์จะไม่สูงเท่ากับการขายสินค้าที่ใช้เคมี แต่กลับมีเงินเหลือเก็บมากขึ้นกว่าการทำแบบเคมี แถมยังช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น ซึ่งเทียบกับค่าของเงินไม่ได้

“ฉะนั้น จึงอยากเชิญชวนทั้งผู้ปลูกและผู้บริโภคมาช่วยกันปลูกและบริโภคพืชผักอินทรีย์กันมากๆ เพราะเกิดประโยชน์ต่อตัวท่านและสิ่งแวดล้อม ถ้าเลิกใช้สารเคมีกัน”

ขณะที่ คุณอุไรวรรณ ประธานตลาดเกษตรกร บอกว่า ได้รับความสนใจจากประชาชนทุกครั้งที่นำสินค้ามาขาย ซึ่งผู้บริโภคหลายคนที่มาซื้อสินค้าต่างบอกว่ามีความเชื่อมั่นว่าปลอดภัยโดยจะไม่ไปซื้อที่ตลาดแห่งอื่นเพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย

คุณอุไรวรรณ

“สินค้าที่นำมาขาย ได้แก่ ต้นหอม ผักชีลาว และผักสลัด รวมถึงข้าวไรซ์เบอร์รี่และหอมมะลิแดง โดยเป็นลักษณะการปลูกพืชผักหลายชนิดจะมีลักษณะเป็นกลุ่มศูนย์เรียนรู้ โดยสินค้าจะมีสมาชิกมาขายเอง และฝากขายด้วย ส่วนรายได้ที่ขายแต่ละครั้งถือว่าดีมาก เพราะมีลูกค้าชัดเจน แล้วจะมีรายได้จากการขายต่อรายเป็นจำนวนหลายพันบาทต่อครั้ง”

คุณพันธราภรณ์ สมบูรณ์

คุณพันธราภรณ์ สมบูรณ์ เป็นผู้ขายอีกท่านที่จะนำผักหลายชนิดมาขายและมีปลาดุกที่เลี้ยงเองเล็กน้อย ขายมาเป็นเวลา 3 ปี เธอบอกว่ามาขายที่ตลาดนี้ดีมาก มีลูกค้าประจำ สำหรับการทำเกษตรกรรมเธอบอกว่าแม้จะปลูกยากเพราะใช้เคมีน้อย แต่เมื่อเก็บมาขายแล้วมีราคาดีมาก ขายหมดทุกครั้ง แต่ที่สำคัญคือทำให้สุขภาพปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

นับเป็นตลาดเกษตรอินทรีย์อีกแห่งที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้บริโภค ต่างได้รับประโยชน์ด้วยกัน แล้วยังเป็นตลาดเกษตรที่มีความก้าวหน้าจริงๆ

สอบถามรายละเอียดตลาดเกษตรอินทรีย์เพิ่มเติมได้ที่ คุณลำพูน ขันทอง โทรศัพท์ (087) 720-8580