เผยแพร่ |
---|
หากปัญหาเรื่องเอกสารทำให้ท่านปวดหัว รวมทั้งความเข้าใจในด้านการจดทะเบียนบริษัทยังไม่ชำนาญมากนัก การมองหาทางเลือกด้วยใช้ตัวช่วยจากสำนักงานบัญชีที่มีบริการรับทำบัญชี และรับจดทะเบียนบริษัทที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ท่านหมดปัญหาที่ได้พบเจอ บทความต่อไปนี้จะช่วยให้ท่านได้เข้าใจถึงการจดทะเบียนบริษัท รวมถึงนักจัดการทำบัญชี ที่จะสามารถเสกงานของท่านให้อย่างเป็นระบบได้
หากต้องการเปิดบริษัทความเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
แน่นอนว่าก่อนที่ทำการเปิดบริษัทนั้น ท่านควรศึกษาข้อมูลในการทำงาน ระบบต่างๆที่เกี่ยวกับการเงิน การทำบัญชี ที่ต้องมีระบบการจัดการเอกสารที่มีคุณภาพ ทั้งยังสร้างระบบการทำงานเก็บเอกสารต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเอง บางท่านจึงได้มองหาบริการจากสำนักงานบัญชีที่มีการช่วยรับทำบัญชี พร้อมด้วยรับจดทะเบียนบริษัทที่ต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานกับหน่วยงานราชการอีกด้วย
การศึกษาข้อมูลในการเปิดบริษัทมีอะไรบ้าง
เพื่อให้ท่านสามารถมองเห็นภาพรวมต่างๆ ของการทำงานอย่างเป็นระบบของการจดทะเบียนบริษัท จนไปสู่กระบวนการทำบัญชี ช่องทางการทำเอกสารการเงินต่างๆ มีด้วยกันดังต่อไปนี้
ธุรกิจของท่านเป็นแบบไหน
ท่านควรกำหนดลักษณะประเภทของบริษัทที่ท่านต้องการจดทะเบียน ตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำหนด โดยสามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
- กิจการบุคคลธรรมดา มีเจ้าของกิจการเพียงคนเดียวในการบริหาร
- ห้างหุ้นส่วนสามัญ
- ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล , ห้างหุ้นส่วนจำกัด
- บริษัทจำกัด , บริษัทจำกัดมหาชน
- นิติบุคคลที่ก่อตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่มาตั้งสำนักงาน โดยมีสาขาภายในประเทศไทย
โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลกิจการที่จำเป็นต้องมีการจดทะเบียนทางการค้า หรือพาณิชย์ รวมถึงข้อยกเว้นที่ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนได้ ซึ่งได้แก่ กิจการการค้าขายแผงลอย , กิจการที่ทำเพื่อการกุศล / การบำรุงศาสนา , กิจการของกระทรวง ทบวง กรม, กิจการของมูลนิธิ สมาคม สหกรณ์ รวมทั้งกิจการของกลุ่มเกษตรกร เป็นต้น
ขั้นตอนในการจดทะเบียนบริษัท
หากในขั้นตอนนี้จะเป็นเอกสารที่ต้องเตรียมพร้อมในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆมากมาย ที่มีความละเอียดอ่อนต่อการดำเนินเอกสาร จึงอาจจะเป็นส่วนที่มีความยุ่งยาก ทั้งปวดหัวพอสมควร หากท่านไม่เคยมีประสบการณ์ด้วยการจดทะเบียนบริษัทมาก่อน ในส่วนนี้เองที่ท่านสามารถขอความช่วยเหลือในการดำเนินเอกสารที่ต้องจดทะเบียนจากสำนักงานบัญชีที่มีบริการรับจดทะเบียนบริษัทที่น่าเชื่อถือ ตามความต้องการของท่านในการรวบรวมเอกสารได้เช่นเดียวกัน
พร้อมทั้งยังต้องดำเนินเอกสารของท่านในกรณีต้องการจดทะเบียนพาณิชย์ทั่วไป หรือต้องการจดทะเบียนบริษัทการค้าในรูปแบบห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือประเภทอื่นๆ ที่จะใช้ข้อมูลที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
- การจดทะเบียนพาณิชย์ทั่วไป (บุคคลธรรมดา) เอกสารที่ต้องใช้จะมีด้วยกัน คือ เอกสารในการยื่นแบบ ทพ. , เอกสารสำเนาบัตรประชาชน , เอกสารสำเนาทะเบียนบ้าน , แผนที่แสดงสถานที่ประกอบกิจการของผู้ขอยื่นการจดทะเบียน , เอกสารหนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี) เป็นต้น
- การจดทะเบียนพาณิชย์ที่ออกให้สำหรับนิติบุคคล โดยจะประกอบด้วยจำนวนผู้เข้าลงทุน ทั้งยังสำรวจจุดประสงค์ในการทำกิจการ พร้อมทั้งระบุหน้าที่ภาระความรับผิดชอบในรับชำระหนี้สินอีกด้วย ซึ่งจะสามารถแยกประเภทได้ดังนี้
- ห้างหุ้นส่วนสามัญ
ประกอบด้วยผู้ลงทุนในหุ้น 2 คนขึ้นไป ซึ่งผู้ถือหุ้นจะมีอำนาจในการจัดการกับกิจการ การจัดการบริหารในการจัดส่วนแบ่งกำไร ทั้งยังมีหน้าที่ในการรับชำระหนี้สินของบริษัทอย่างไม่จำกัด โดยจะขึ้นอยู่กับการจดทะเบียนในการเป็นนิติบุคคลหรือไม่นั้นเอง
- ห้างหุ้นส่วนจำกัด
ประกอบด้วยผู้ลงทุนในหุ้น 2 คนขึ้นไป ทั้งยังมีการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งแบ่งหน้าที่ความรับผิดเป็น 2 ประเภทได้แก่
- การรับผิดในการรับชำระหนี้แบบจำกัด คือจะเป็นหุ้นส่วนที่ไม่สามารถเข้ามาจัดการการดำเนินงานภายกิจการได้ พร้อมทั้งจะรับผิดชอบในการชำระหนี้สินของกิจการจากทุนทรัพย์ที่ตนได้มีการลงทุนเท่านั้น
- การรับผิดในการรับชำระหนี้แบบไม่จำกัด คือเป็นผู้ถือหุ้นที่มีทั้งสิทธิในการดำเนินกิจการทั้งหมดของบริษัท แต่ก็มีความรับผิดชอบในการรับชำระหนี้สินของบริษัทอย่างเต็มจำนวนเช่นกัน
- บริษัทจำกัด
ซึ่งจะประกอบด้วยผู้ลงทุนในหุ้นส่วนจำนวน 3 คนขึ้นไป โดยมีความต้องการในการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ทั้งยังมีหน้าที่ในความรับผิดจากการชำระหนี้ตามที่ตนเองลงทุนในหุ้นส่วนอย่างจำกัดเท่านั้น จึงเป็นที่นิยมในการจดทะเบียนบริษัทมากกว่าห้างหุ้นส่วนนั้นเอง
จะเห็นได้ว่าการจดทะเบียนบริษัทจะเป็นที่นิยมส่วนใหญ่ของผู้ทำธุรกิจ / ผู้ประกอบการ ที่จะสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ที่ต้องการลงทุนด้วย ทั้งยังมีความน่าเชื่อถือต่อธนาคาร ที่จะสามารถทำการตรวจสอบข้อมูลระบบบการเงินของการจดทะเบียนบริษัทได้อีกด้วย
การยื่นเอกสารในการจัดตั้ง พร้อมการลงทะเบียน
ในกรณีต้องการจดทะเบียนการค้า สถานที่ในใช้ในการจดทะเบียนการค้า แบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้
- ในเขตกรุงเทพมหานคร ท่านสามารถเข้ายื่นเอกสารได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานการคลัง กรุงเทพมหานคร รวมทั้งฝ่ายปกครอง และสำนักงานเขตทุกแห่งในท้องที่ของเขตนั้น
- ในส่วนของภูมิภาค ท่านสามารถยื่นได้ที่เทศบาล , องค์การบริหารส่วนตำบล หรือการปกครองพิเศษเมืองพัทยา
ในกรณีต้องการจดทะเบียนบริษัท ท่านสามารถดำเนินการจดทะเบียนโดยการยื่นเอกสารที่จัดเตรียมทาได้ที่
- สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าของแต่ละเขตในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร หรือสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าของแต่ละจังหวัด
- หากสำนักงานของท่านอยู่ต่างจังหวัด ท่านสามารถขอยื่นเอกสารออนไลน์ผ่านช่องทาง dbd.go.th ได้ช่องทางหนึ่ง
ซึ่งการยื่นเอกสารในการขอจดทะเบียนบริษัทจะมีความยุ่งยากซับซ้อนมากกว่าการจดทะเบียนแบบบุคคลธรรมดา ด้วยมีกระบวนการดังต่อไปนี้
- การยื่นเอกสารตรวจสอบพร้อมจองชื่อบริษัทที่ต้องการจัดตั้ง โดยต้องเข้าตรวจสอบจากเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจากการสมัครสมาชิกในระบบของเว็บไซต์ เพื่อทำการจองชื่อ ทั้งตรวจสอบทะเบียนคำขอนิติบุคคล
- การจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ เป็นหนังสือที่แสดงถึงความต้องการในการจัดตั้งบริษัท สามารถยื่นเอกสารความประสงค์ไม่เกิน 30 วันนับจากที่นายทะเบียนได้ทำการรับรองชื่อ
พร้อมทั้งการจัดเตรียมเอกสารตามที่รายละเอียดของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้กำหนด ดังเช่น
- ชื่อบริษัทที่ได้ใช้ในการจองชื่อจัดตั้งบริษัท
- แหล่งที่ตั้งของสํานักงานสาขาใหญ่ / สาขาย่อย
- วัตถุประสงค์ของบริษัท
- จำนวนทุนทรัพย์ที่จดทะเบียน และยอดจํานวนทุน (ค่าหุ้น) ที่เรียกชําระแล้ว ด้วยยอดอย่างน้อยร้อยละ 25% ของทุนจดทะเบียน
- เอกสารชื่อที่อยู่ของพยานอย่างน้อย 2 คน
- รายชื่อกรรมการ เป็นต้น
- ยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัทในลำดับถัดไปต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อนายทะเบียนกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ทำการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ เอกสารสำหรับแบบจองชื่อนิติบุคคล , เอกสารสําเนาบัตรประจําตัวของผู้เริ่มก่อตั้งกิจการ และกรรมการทุกคนที่มีส่วนร่วมในการก่อตั้ง , สําเนาเอกสารหลักฐานการรับชําระค่าหุ้นที่บริษัทออกให้แก่ผู้ถือหุ้น และแผนที่แสดงที่ตั้งของสำนักงานพอสังเขป เป็นต้น
เมื่อการจดทะเบียนบริษัทได้ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ท่านต้องคำนึงในลำดับถัดมาคือการทำเอกสารทางด้านการเงินที่ต้องทำอย่างเป็นระบบ ทั้งเป็นภาระงานตามที่กฎหมายกำหนดในแต่ละเดือน โดยจะต้องมีการจัดการดังนี้
- การจัดการทำบัญชีจากผู้ทำบัญชี
- การจัดเตรียมเอกสารประกอบการลงบัญชี
- การปิดงบการเงิน
- การจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นส่งค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม
- การยื่นภาษีที่ต้องหัก ณ ที่จ่าย เช่น ยื่นแบบ ภงด.1 , ยื่นแบบ ภงด.3 , ยื่นแบบ ภงด.53 , ยื่นแบบ ภงด.54 เป็นต้น
- การยื่นประกันสังคมอีกด้วย
รวมทั้งภาระงานการเงิน การบัญชีแบบรายปีที่ต้องจัดการตามที่กฎหมายกำหนดได้แก่ เอกสารการยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลช่วงครึ่งปีแรกของปีปฏิทิน , ยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลช่วงสิ้นปีปฏิทินของปีนั้นๆ และการจัดเตรียมเอกสารในการยื่นส่งงบการเงิน ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นต้น
ประโยชน์ของการเข้าบริการสำนักงานบัญชีที่ครอบคลุมทุกบริการ
จะเห็นได้ว่าเอกสารที่ท่านต้องจัดเตรียมอย่างเป็นระบบนั้น ต้องใช้ความชำนาญในการจัดทำอย่างรอบคอบ จะเห็นได้ว่าหากท่านมีที่ปรึกษาในการจัดเตรียมเอกสาร ทั้งการให้คำแนะนำเรื่องการเงิน การทำบัญชีจากสำนักงานบัญชี ที่เปิดรับทำบัญชี ทั้งเปิดรับจดทะเบียนบริษัท จะช่วยให้ท่านสามารถผ่านช่วงเวลาเหล่าไปได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น
- สามารถช่วยให้มีเวลาในดำเนินงานทางด้านธุรกิจได้มายิ่งขึ้น
- ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางในการดำเนินเอกสารเอง หากอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากสำนักงานที่ตั้งกิจกรรมที่ต้องการจดทะเบียน
- ลดปัญหาข้อผิดพลาดจากการดำเนินเอกสารเอง ที่อาจจะส่งผลให้ท่านเกิดความเครียดต่อการทำงาน อาจจส่งผลให้ป่วยได้
- หากมีที่ปรึกษาที่มีคุณภาพ จะสามารถช่วยให้คำแนะนำในการดำเนินการเกี่ยวกับกิจการของตนเอง ทั้งยังช่วยชี้แนะการทำงานให้อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้นจากประสบการณ์ของผู้ทำงานเอกสาร การบัญชีนั้นเอง
สรุป
จะเห็นได้ว่าการดำเนินทางด้านเอกสาร การเงิน และการบัญชี หากไม่มีความชำนาญมักจะมีข้อผิดพลาดได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากจะต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ ทั้งยังต้องรู้ถึงข้อห้าม / ข้อยกเว้นในการจัดทำเอกสารอีกด้วย การเข้าใช้บริการจากสำนักงานบัญชีที่เปิดรับทำบัญชี และรับจดทะเบียนบริษัทที่ดี จะช่วยให้ท่านได้วางใจกับการจัดทำเอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพได้นั้นเอง