มจธ. จับมือ ภาคีปศุสัตว์และสัตว์น้ำไทย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

มจธ. จับมือ ภาคีปศุสัตว์และสัตว์น้ำไทย หาแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่อุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย พร้อมเดินหน้าสู่ “ปศุสัตว์สีเขียว”

โดยเร็วๆ นี้ มีพิธีลงนามความร่วมมือโครงการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่อุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย (Thai Livestock Technical Consortium for Climate Neutrality, LCCN) ขึ้นระหว่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กับ กลุ่มภาคีปศุสัตว์และสัตว์น้ำไทย ทั้ง 9 สมาคม

รศ.ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า ประเด็นการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกัน ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเลี้ยงปศุสัตว์ และอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ ตลอดจนสมาคมชั้นนำที่เกี่ยวข้อง ได้มีความริเริ่มและให้คำมั่นสัญญาที่จะลดก๊าซเรือนกระจกภายในห่วงโซ่ให้เหลือการปล่อยสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2040 มหาวิทยาลัยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ทางสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์และเครือข่ายได้เลือกที่จะทำความร่วมมือกันในการบรรลุดังกล่าว เชื่อว่าด้วยความร่วมมือกันของบุคคลในหลายๆ ส่วน และศักยภาพทางวิชาการของมหาวิทยาลัย จะช่วยกันใช้ศักยภาพที่มีอยู่ ทำให้การดำเนินงานตามบันทึกความร่วมมือนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี

คุณพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ตัวแทนภาคีปศุสัตว์และสัตว์น้ำไทย กล่าวว่า เนื่องจาก มจธ. เป็นมหาวิทยาลัยแรกที่มีนโยบายชัดเจนด้านความยั่งยืนเกี่ยวกับระบบการจัดการด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และสร้างการมีส่วนร่วม โดยมหาวิทยาลัยได้ประกาศเจตนารมณ์การปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2040 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของภาคีปศุสัตว์และสัตว์น้ำไทย ที่มีจุดมุ่งหมายร่วมกันในการนำพาธุรกิจปศุสัตว์ไทยไปสู่ปศุสัตว์สีเขียว โดยตั้งเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero emissions) ในปี ค.ศ. 2040 เช่นกัน ดังนั้น การลงนามความร่วมมือครั้งนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่เกิดความร่วมมือระหว่างภาควิชาการและภาคเอกชนซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ภาคธุรกิจปศุสัตว์ของไทยเดินหน้าเข้าสู่ปศุสัตว์สีเขียวได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ศ.ดร. นวดล เหล่าศิริพจน์ ผู้อำนวยการบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม หรือ JGSEE กล่าวว่า อุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย เป็นภาคส่วนที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะมีเทนในอัตราที่สูงมาก ทั้งจากกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ และระหว่างการผลิตปศุสัตว์ ซึ่งส่งผลต่อภาวะโลกร้อนอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดี ปัญหาในปัจจุบันคือ ผู้ประกอบการปศุสัตว์หรือกลุ่มผู้ผลิตอาหารสัตว์ในไทยไม่มีข้อมูลว่าในแต่ละกระบวนการมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาในปริมาณเท่าไหร่อย่างชัดเจน จะมีเพียงรายงานผลการศึกษาในต่างประเทศเท่านั้น ดังนั้น ประเด็นที่ทาง มจธ. สามารถช่วยกลุ่มภาคีปศุสัตว์ฯ ได้ประกอบด้วย

การศึกษาหาข้อมูลพื้นฐาน ณ ปัจจุบัน Baseline ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประเภทต่างๆ จากห่วงโซ่อุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย โดยการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ และการประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์ในแต่ละกระบวนการของห่วงโซ่อุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย

การพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (มุ่งเน้นก๊าซมีเทน) เช่น การพัฒนาสูตรอาหารสัตว์โดยการเติมจุลินทรีย์ลงไปอาจทำให้ระบบการย่อยของสัตว์ดีขึ้น การวิเคราะห์จุลชีพในระบบทางเดินอาหารของสัตว์เพื่อออกแบบวิธีการให้อาหารสัตว์ที่เหมาะสม การพัฒนาอาหารเสริมสำหรับสัตว์ การพัฒนาปุ๋ยชีวภาพเพื่อใช้ปลูกพืชที่นำมาใช้ผลิตอาหารสัตว์ให้สามารถลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกระหว่างเพาะปลูก การวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพที่มีประสิทธิภาพสูงจากมูลสัตว์ การเพิ่มประสิทธิภาพและนำเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในกระบวนการผลิตอาหารสัตว์และการผลิตปศุสัตว์ การปรับปรุงระบบโลจิสติกส์และการขนส่ง การนำกลไกการซื้อขายคาร์บอนมาประยุกต์ใช้ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย เป็นต้น

และการพัฒนาทักษะให้กับบุคลากรในห่วงโซ่อุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย เพื่อให้มีความเข้าใจเรื่องแนวทางการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก