เผยแพร่ |
---|
การเติบโตของคริปโตเคอร์เรนซีปูทางไปสู่นวัตกรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างไร
เมื่ออีลอน มัสก์แปลง 10% ของเงินสดสำรองของ Tesla เป็น Bitcoin (มากกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์) ก็ได้สร้างความแตกตื่นให้กับตลาด แต่กระแสที่รุนแรงเกี่ยวกับ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มการเติบโตครั้งใหญ่ที่เริ่มขึ้นเมื่อปี 2020
JiNan Glasgow George ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญาผู้มีชื่อเสียงในระดับโลกและเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Magic Number และผู้ก่อตั้งบริษัท Neo IP เล่าว่า บริษัทของเธอก็คาดว่าจะเติบโตครั้งใหญ่ในปี 2021 โดยอิงจากข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดที่ประมวลผลด้วยซอฟต์แวร์ของบริษัท JiNan เห็นว่าการหยุดชะงักนี้เกิดขึ้นมานานกว่า 5 ปีแล้ว เพราะการลงทุนในสิทธิบัตรมักนำไปสู่กิจกรรมทางการตลาด จากข้อมูลสิทธิบัตรของบริษัท ภาคสกุลเงินดิจิทัลเติบโตขึ้นกว่า 530% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นอกจากนั้น ข้อมูลจากสำนักสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าสหรัฐอเมริกา (The U.S. Patent and Trademark Office หรือ USPTO) ยืนยันการเติบโตของภาคส่วนนี้ตามเวลาที่ผ่านไป รวมถึงการเติบโตในช่วงต้นที่สูงถึงสองเท่าในปี 2018 ซึ่งอาจชี้ให้เห็นสาเหตุที่บริษัทต่างๆ ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้นในภาคส่วนดังกล่าว สิ่งประดิษฐ์ในแวดวงนี้ครอบคลุมกิจกรรมในการติดตาม, การเงิน, Mobile Wallet หรือกระเป๋าเงินดิจิทัลบนมือถือ และอีคอมเมิร์ซ โดยเทคโนโลยีคริปโต Tokenization และบล็อกเชนกำลังกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นในแอปพลิเคชั่นสำหรับเครือข่ายและการประมวลผล ความปลอดภัย แอปพลิเคชั่นทางอุตสาหกรรมและหลักทรัพย์ และแอปลงทุน
การที่อีลอน มัสก์ประกาศให้ใช้ Bitcoin ซื้อรถ Tesla ได้ ก็ยิ่งผลักดันให้สกุลเงินดิจิทัลเข้าสู่แดนทำลายสถิติ บางคนถึงกับคาดการณ์ว่าเงินดอลลาร์จะยังคงอ่อนค่าลงต่อไป และแนะนำให้นักลงทุนและบุคคลทั่วไปอยู่ในสกุลเงินดิจิทัลต่อ การเติบโตของภาคส่วนนี้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจาก Bank of America ได้มาเป็นหนึ่งในนักลงทุนสิทธิบัตรชั้นนำมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งน่าแปลกใจเนื่องจากโดยปกติธนาคารมักไม่ถือว่าเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยี CNBC.com รายงานว่า “ธนาคารยักษ์ใหญ่ได้สะสมสิทธิบัตรมากที่สุดเกี่ยวกับเทคโนโลยีของบริษัทที่ให้บริการทางการเงินใดๆ ก็ตามสำหรับการประดิษฐ์ต่างๆ ตั้งแต่ตู้ ATM ที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชน ไปจนถึงการจัดเก็บกุญแจคริปโต”
อีกปัจจัยสำคัญในการเทรดคริปโตคือการเลือกแพลตฟอร์มชั้นนำที่น่าเชื่อถือและเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยมที่สุดในโลกที่ใช้งานง่ายและไม่ซับซ้อนอย่าง MT5
ประโยชน์ของ Cryptocurrency
Crypto เป็นสินทรัพย์ประเภทใหม่ที่เริ่มต้นจากการสร้างบล็อกเชน Bitcoin ในปี 2009 ประโยชน์หลักของ Bitcoin และ Cryptocurrency อื่นๆ ส่วนใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนคือเหรียญเหล่านี้ไม่มีอำนาจจากศูนย์กลางอย่างธนาคารหรือรัฐบาล จากผู้ประมวลผลการชำระเงิน หรือเจ้าของบริษัทมาคอยควบคุม
สกุลเงินดิจิทัลช่วยให้ต้นทุนการทำธุรกรรมต่ำจนแทบไม่มีค่าใช้จ่ายเลย ต่างจากค่าธรรมเนียมในการโอนเงินจากกระเป๋าเงินดิจิทัลไปยังบัญชีธนาคาร คุณสามารถทำธุรกรรมได้ตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่มีการจำกัดการซื้อและถอนเงิน ทุกคนสามารถใช้สกุลเงินดิจิทัลได้ฟรี ซึ่งต่างจากการเปิดบัญชีธนาคารซึ่งต้องใช้เอกสารและมีขั้นตอนการดำเนินการอื่นๆ
ยิ่งไปกว่านั้น การทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลระหว่างประเทศยังรวดเร็วกว่าการโอนเงินผ่านธนาคารอีกด้วย การโอนเงินผ่านธนาคารใช้เวลาประมาณครึ่งวันในการย้ายเงินจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง แต่ด้วย Cryptocurrency การทำธุรกรรมใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีหรือไม่กี่วินาที
เรามาดูประโยชน์ที่สำคัญของการเป็นเจ้าของเหรียญคริปโตกัน
- ทำธุรกรรมได้ง่าย
- มีความปลอดภัยอย่างเหลือเชื่อ
- ระยะเวลาการชำระเงินสั้นและค่าธรรมเนียมต่ำ
- คริปโตเติบโตขึ้นแบบทวีคูณ
- รับผลตอบแทนเกินคาด
- การทำธุรกรรมเป็นส่วนตัวยิ่งกว่า
- สามารถกระจายการลงทุน
- ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
- ชำระเงินข้ามพรมแดนได้สะดวก
- ระบบการเงินครอบคลุมมากขึ้น
- มีเสรีภาพในการทำธุรกรรม
- ตลาดเปิด 24 ชั่วโมง ทุกวัน
นวัตกรรมแอปลงทุนก็เป็นสิ่งที่น่าติดตาม ลองดูแอปพลิเคชั่นการลงทุน 10 อันดับแรกสำหรับ iOS และ Android
อิทธิพลของบล็อกเชนคริปโตที่มีผลต่อเทคโนโลยี
คุณคิดว่าบล็อกเชนสามารถสร้างผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับอินเตอร์เน็ตหรือไม่
เทคโนโลยีปฏิวัติสังคมอย่าง “บล็อกเชน” เกิดขึ้นแล้ว เรามาถอดรหัสโอกาสทางธุรกิจกัน
คุณจำการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ Dial up ได้หรือไม่ ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์กับสายโทรศัพท์บ้าน เสียงดังก้องอันเป็นเอกลักษณ์บ่งบอกถึงความตั้งใจของคนยุคนั้นที่ต้องการท่องเวิลด์ไวด์เว็บ เกือบ 30 ปีต่อมา เราก้าวกระโดดมาไกลจากเทคโนโลยีที่เคยได้รับความนิยมสูงสุดเหล่านั้น ทุกวันนี้ ชาวอเมริกันเกือบ 9 ใน 10 คนใช้อินเตอร์เน็ต และจากสถิติของ Statista ในปี 2020 มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือ 4,280 ล้านคนทั่วโลก คิดเป็นประมาณ 54.6% ของประชากรโลก ในระบบเศรษฐกิจที่ขยายตัวตลอดเวลา คริปโตเคอร์เรนซีไม่ใช่แนวคิดที่ไกลเกินเอื้อม แต่เกิดขึ้นแล้วจริง อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีล่าสุดที่น่าสนใจที่สุดคือบล็อกเชน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเบื้องหลัง Cryptocurrency และอาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับเศรษฐกิจโลก
การบูรณาการบล็อกเชนในกระแสหลักอาจยังอยู่ห่างออกไปหลายปี แต่บางคนคาดการณ์ว่าบล็อกเชนจะเป็นนวัตกรรมแหวกแนวเหมือนการนำอินเตอร์เน็ตมาใช้ เช่นเดียวกับอินเตอร์เน็ตที่เปลี่ยนแปลงวิธีที่เราแบ่งปันข้อมูลไปอย่างสิ้นเชิง บล็อกเชนมีศักยภาพที่จะปฏิวัติวิธีแลกเปลี่ยนมูลค่า โอนความเป็นเจ้าของ และยืนยันธุรกรรม
ปัจจุบันเทคโนโลยีบล็อกเชนถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายตั้งแต่บริการทางการเงินไปจนถึงการผลิต ภาคส่วนอื่นๆ เช่น การค้าปลีก ก็กำลังเริ่มทดลองการใช้งานที่มีศักยภาพเช่นกัน ในระยะยาว blockchain อาจเปิดทางให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินงานในอุตสาหกรรมต่างๆ
แม้ว่าบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีเกิดใหม่แต่ก็กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ขณะกระแสความนิยมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการนำไปใช้ให้แพร่หลาย ซึ่งรวมถึงอุปสรรคทางเทคนิค เช่น ความสามารถในการขยายตัว ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และการกำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยี นอกจากนี้ บล็อกเชนยังต้องการความเข้าใจในวงกว้างเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกับกรอบการกำกับดูแลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความท้าทายทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยรวมอยู่ด้วย จนถึงปัจจุบัน การละเมิดความปลอดภัยมีความเกี่ยวข้องกับผู้ใช้และความผิดพลาดของมนุษย์มากกว่าเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหลัก แต่ช่องโหว่เหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข
การพัฒนาเครื่องมือที่เหมาะสมและจัดการกับข้อจำกัดจะต้องใช้เวลา แต่การลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยีบล็อกเชนมีแนวโน้มที่จะช่วยแก้ไขปัญหาและความท้าทายมากมายดังกล่าวที่พบ เรื่องนี้คล้ายกับการปฏิวัติทางเทคโนโลยีอื่นๆ ในอดีต อาจเป็นไปได้ว่า 30 ปีนับจากนี้ บล็อกเชนจะกลายเป็นเทคโนโลยีธรรมดาทั่วไปเช่นเดียวกับอินเตอร์เน็ต และเราจะตั้งตารอนวัตกรรมใหม่ต่อไป