ผู้เขียน | แพรวพรรณ ทองพิทักษ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
จังหวัดตรัง ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองยางพารา เมืองขนมเค้ก และเมืองหมูย่าง เกษตรกรส่วนใหญ่มีอาชีพทำการเกษตร มีการปลูกยางพาราเป็นอาชีพหลัก ปาล์มน้ำมันเป็นอาชีพรอง ปลูกไม้ผล พืชผักและอื่นๆ รวมทั้งด้านการท่องเที่ยว แต่ปัจจุบันพบว่าเกษตรกรชาวสวนยางพารามองหาอาชีพเสริมหรืออาชีพทางเลือกเพื่อเสริมรายได้ที่หายไป
คุณเสถียร ศิริพันธ์ บ้านเลขที่ 74/1 หมู่ที่ 4 ตำบลโพรงจระเข้ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เรียกขานกันในนาม ลุงขลิก เกษตรกรชาวสวนยางพารา ซึ่งประสบปัญหาราคายางพาราตกต่ำ เมื่อช่วงปี 2548 จึงมีความคิดที่จะปลูกพืชร่วมยางพารา โดยลุงได้ศึกษาการปลูกพืชร่วมยางพาราและสามารถขายผลผลิตได้ โดยที่มีตลาดรองรับผลผลิตอย่างต่อเนื่อง จึงมีความสนใจ สะละพันธุ์อินโดฯ และได้ศึกษาถึงวิธีการปลูก การดูแลรักษาสะละอินโดฯ อย่างจริงจัง ซึ่งเมื่อ ปี 2548 ลุงได้เดินทางไปซื้อต้นพันธุ์สะละอินโดฯ มาจาก อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง ในราคา ต้นละ 10 บาท จำนวน 913 ต้น เป็นต้นตัวเมีย 656 ต้น และต้นตัวผู้ 257 ต้น โดยอัตราส่วนต้นตัวเมียกับต้นตัวผู้ ประมาณ 3 : 1 ปลูกร่วมยางพารา จำนวน 15 ไร่ บริเวณบ้าน ซึ่งยางพาราอายุประมาณ 9 ปี
วิธีการปลูก
สะละอินโดฯ ควรปลูกในสภาพดินร่วนปนทราย หรือดินร่วนปนดินเหนียวที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง ระบายน้ำดี โดยปลูกระหว่างแถวยางพารา จำนวน 1 แถว ใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 1.5-3 เมตร การปลูกขุดหลุมขนาดกว้าง 30-50 เซนติเมตร ลึก 30-50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก หลุมละประมาณครึ่งกิโลกรัม ทิ้งไว้ 7 วัน ก่อนที่จะนำต้นกล้าลงปลูก หลังปลูกแล้วรดน้ำ วันละ 1 ครั้ง เมื่อมีสะละอินโดฯ อายุได้ 2 ปี สะละจะเริ่มออกดอก
การช่วยผสมเกสร
การที่สะละสายพันธุ์อินโดนีเซียจะออกผลได้ดีตามที่ต้องการนั้น เกษตรกรจะต้องช่วยผสมเกสร ระหว่างดอกตัวผู้กับดอกตัวเมีย โดยการนำผงเกสรตัวผู้ (สีเหลือง) มาเคาะใส่เกสรตัวเมีย (สีแดง) หรือนำเกสรตัวผู้เคาะใส่ในจานแล้วใช้พู่กันป้ายไปยังเกสรตัวเมีย โดยการผสมเกสรสามารถทำได้ตลอดทั้งวัน เพื่อช่วยให้ติดผลได้ง่ายขึ้น
การตัดแต่งพวงสะละ
ตัดแต่งพวงสะละโดยเด็ดผลที่บิดเบี้ยวทิ้งไป เพื่อให้มีปริมาณผลพอเหมาะ ผลสะละมีความสมบูรณ์ ได้ผลโตตามขนาดที่ต้องการ และป้องกันการขาดของก้านช่อดอก
วิธีการเก็บเกี่ยว
สามารถเก็บผลผลิตได้หลังจากผสมเกสรแล้ว 6 เดือน หรือ 175-180 วัน เมื่อผลสะละอินโดฯ มีอายุครบตามอายุการเก็บเกี่ยว จะมีผลขนาดใหญ่ มีกลิ่นหอม ควรใช้มีดหรือกรรไกรที่สะอาดตัดเก็บสะละออกมาเป็นช่อโดยระวังไม่ให้ผลหลุดร่วง
ผลผลิตและรายได้ ปี 2563
ปัจจุบัน ทำรายได้ปีละประมาณ 441,304 บาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายสะละ จำนวน 264,400 บาท และรายได้จากการทำสวนยางพารา จำนวน 176,904 บาท
รายการ | น้ำยางสด | สะละอินโดฯ |
ค่าจ้าง | 70,758 บาท | – |
ค่าปุ๋ยหมัก | – | 11,200 บาท |
ค่าปุ๋ยเคมี | – | 11,650 บาท |
รวมต้นทุนการผลิต | 70,758 บาท | 22,850 บาท |
ผลผลิต | 4,536 กิโลกรัม | 5,288 กิโลกรัม |
ราคา | กิโลกรัมละ 39 บาท | กิโลกรัมละ 60 บาท |
รายได้ | 176,904 บาท | 264,400 บาท |
กำไร | 106,146 บาท | 241,550 บาท |
ปัญหาที่พบ
- ต้นตัวผู้มีเกสรตัวผู้ไม่เพียงพอในการผสมเกสร
ข้อเสนอแนะ
- มีการใช้เกสรตัวผู้จากพืชตระกูลเดียวกันกับสะละในการผสมเกสร เช่น ระกำ หรือสะละสายพันธุ์อื่นๆ
- เก็บเกสรตัวผู้ไว้ในตู้เย็น เพื่อให้สามารถนำมาใช้ผสมเกสรได้ในช่วงที่ขาดแคลน
- นำเกสรตัวผู้ผสมกับแป้งก่อนนำไปผสมกับเกสรตัวเมีย เพื่อช่วยให้เกสรตัวผู้ฟุ้งกระจายผสมกับเกสรตัวเมียได้ดีขึ้น
ล่าสุดเกษตรจังหวัดตรัง คุณวสันต์ สุขสุวรรณ พร้อมด้วยเกษตรอำเภอ คุณอำนาจ เซ่งเซี่ยง และ เกษตรตำบลผู้รับผิดชอบพื้นที่ คุณแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียน และให้คำแนะนำการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาป้องกันเชื้อราสาเหตุโรคพืช โดยผสมเชื้อสด 1 กิโลกรัม : รำละเอียด 4 กิโลกรัม : ปุ๋ยอินทรีย์ 100 กิโลกรัม โรยรอบโคนต้น ต้นละ 1-2 กิโลกรัม การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้รากพืชนำปุ๋ยเคมีไปใช้ประโยชน์ได้สูงยิ่งขึ้น
พร้อมทั้งให้กำลังใจในการทำงานด้านการเกษตรของ คุณเสถียร ศิริพันธ์ เพื่อเป็นต้นแบบให้เกษตรกรบริเวณใกล้เคียง และต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เสริมที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอย่านตาขาว โทร. 075-281-241