ชาวแม่อาย เชียงใหม่ ปลูกลิ้นจี่ฮงฮวยอร่อย

ลิ้นจี่พันธุ์ฮงฮวย นิยมปลูกมากทางภาคเหนือตอนบน เป็นพันธุ์ชนิดกลางที่โตเร็ว ทรงพุ่มใหญ่ ใบหนา ออกดอกประมาณเดือนธันวาคมถึงมกราคม ผลแก่เก็บได้ราวเดือนพฤษภาคม ติดผลดีสม่ำเสมอ ผลดก ผลผลิตสูง รสหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอม คุณภาพดี ได้รับความนิยมอย่างมาก

ผลผลิตสมบูรณ์ เพราะดูแลดีทั้งปุ๋ยและน้ำ

 

คุณธรรม คำเงิน บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 11 ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ปลูกลิ้นจี่เป็นอาชีพจำนวน 2 พันธุ์ คือ ฮงฮวยกับจักรพรรดิ โดยปลูกฮงฮวยเป็นหลักเพราะมีคุณภาพมากกว่า ปลูกมากว่า 30 ปี พื้นที่ปลูก 7 ไร่ มีจำนวนกว่า 400 ต้น ลักษณะพื้นที่ปลูกเป็นแบบเชิงเขาหรือสันเขา มีระยะปลูก 5 คูณ 5 เมตร

เมล็ดเล็ก

คุณสมบัติเด่นของฮงฮวยคือ มีรสหวาน ผลเล็ก เนื้อหนา โดยเฉพาะเมื่อปลูกในพื้นที่แม่อาย คุณธรรมชี้ว่า น่าจะเกิดจากความอุดมสมบูรณ์ของดินที่มีลักษณะเป็นดินดำและแดง อากาศดี น้ำดี โดยเฉพาะความหนาวเย็นซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการทำให้ดอกสมบูรณ์ช่วยทำให้ผลลิ้นจี่มีคุณภาพและสมบูรณ์ ยิ่งหนาวมากยิ่งชอบ แต่หากปีไหนหนาวน้อย แถมมีฝนร่วมด้วยก็จะสร้างปัญหาต่อผลผลิตทันที

เก็บผล มัดเป็นช่อจากในสวน

ต้นพันธุ์ที่นำมาปลูกครั้งแรกได้มาจากการตอนกิ่ง เวลาปลูกให้ขุดหลุมลึกประมาณ 25 เซนติเมตร ไม่ต้องรองก้นหลุม ปลูกปีแรกรดน้ำอย่างเดียวด้วยการขุดเป็นร่องรอบโคนต้นสำหรับให้น้ำขัง ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 โดยถ้ามีทุนมากอาจใส่ปีละ 3-4 ครั้ง แต่ถ้าทุนน้อยใส่ปีละ 1-2 ครั้งก็ได้ ปุ๋ยสูตรต้องใส่หลังตัดแต่งกิ่ง 1 ครั้ง กับช่วงมีดอกหรือราวปลายเดือนธันวาคมอีกครั้ง ในปริมาณต้นละ 2 กิโลกรัม คุณธรรม บอกว่า ชาวบ้านบางรายไม่ใส่ปุ๋ยเลยก็มีได้ผลผลิตเหมือนกันแต่คุณภาพอาจไม่ดีเท่าใส่ปุ๋ย ลิ้นจี่เริ่มทำผลผลิตในปีที่ 5

ลูกสาว-ลูกชาย ช่วยครอบครัวเก็บลิ้นจี่

น้ำที่ใช้มาจากภูเขา คุณธรรมชี้ว่า ควรให้น้ำอย่างต่อเนื่องในช่วงมีดอกเพื่อให้แตกดอกเต็มที่ หรือบางรายไม่สะดวกเรื่องใส่น้ำก็ไม่เป็นไร แต่คุณภาพจะด้อยลงบ้างเท่านั้น น้ำที่ใส่ต้นลิ้นจี่สัก 3-4 วันต่อครั้ง ใส่ในร่องที่ขุดไว้รอบโคนต้นให้เต็มเพื่อให้น้ำค่อยๆ ซึมลง

เรื่องความหวานคุณธรรมชี้ว่า โดยธรรมชาติลิ้นจี่ที่ปลูกในพื้นที่บริเวณนี้มีความหวานอยู่แล้ว อาจไม่จำเป็นต้องใส่อะไรช่วย เพียงแต่ต้องหมั่นฉีดฮอร์โมนรวมถึงแคลเซียมโบรอนตั้งแต่เริ่มมีช่อดอกหรือในราวปลายเดือนธันวาคม ให้พ่นทางใบทุก 15 วันในอัตรา 200 ซีซีต่อน้ำ 200 ลิตรร่วมกับสารป้องกันแมลง เพื่อกระตุ้นสร้างคุณภาพดอกให้มีความสมบูรณ์แข็งแรง โดยใช้เวลาพ่นประมาณ 5 เดือนจนกว่าจะถึงช่วงเก็บผลผลิต (เดือนพฤษภาคม) เพื่อสร้างความสมบูรณ์ของผลลิ้นจี่ให้มีเปลือกแข็ง เนื้อสมบูรณ์และรสอร่อย ทั้งนี้ จำนวนผลต่อช่อถ้าดูแลอย่างดีประมาณช่อละ 1 กิโลกรัม

พื้นที่ปลูกมีลักษณะลาดเอียงสันเขา

คุณธรรม เล่าว่า สมัยรุ่นปู่รุ่นพ่อเวลาลิ้นจี่ให้ผลผลิตจะต้องใช้ไม้ค้ำกิ่งเพื่อพยุงช่อผลป้องกันลมพายุ แต่การปลูกลิ้นจี่สมัยนี้ลดทอนความยุ่งยากด้วยการใช้วิธีตัดแต่งกิ่งรักษาระดับไม่ให้สูงเกินกว่า 3 เมตร เพราะการทำต้นลิ้นจี่ให้เตี้ยจะเกิดประโยชน์เพื่อป้องกันลมพายุแล้วยังไม่ต้องเสียเงินซื้อไม้ค้ำ สามารถเก็บผลผลิตและดูแลบำรุงต้นได้ง่ายด้วย

บรรจุผลลิ้นจี่ลงกล่อง

“ช่วงเวลาเก็บผลผลิตให้สังเกตที่สีผิวจะมีสีแดงคล้ำ เมื่อแกะเปลือกชิมจะมีรสหวาน หรืออาจสังเกตที่หนามเปลือกจะหมด ผิวเปลือกจะเรียบ ทั้งนี้ บางลูกสียังไม่เปลี่ยนแต่มีรสหวานแล้ว ผลผลิตรวมทั้งต้นได้กว่า 100 กิโลกรัม แต่หากเจอภัยธรรมชาติอาจลดลงเหลือเพียง 40-50 กิโลกรัมต่อต้นเท่านั้น”

เนื้อมาก ไม่แฉะ

คุณธรรม เผยว่า การเก็บลิ้นจี่เป็นเรื่องที่ยุ่งยากแล้วต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้ผลลิ้นจี่ได้รับความเสียหาย วิธีเก็บลิ้นจี่ต้องปีนต้น เด็ดกิ่งใส่ตะกร้า ต้องทำแบบพิถีพิถัน ห้ามรีบเร่ง มิเช่นนั้นจะเกิดความเสียหาย ราคาขายไม่ดี ใช้เวลาเก็บทั้งสวนประมาณ 1 เดือน ในช่วงเก็บผลผลิตจะต้องจ้างแรงงาน

ช่วงเริ่มมีดอกต้องการอุณหภูมิต่ำเพื่อรักษาคุณภาพ

ผลผลิตที่เก็บแล้ว หากคนรับซื้อรายใดต้องการให้คัดเกรดคุณภาพจะต้องกำหนดราคาต่างหาก หรือขอซื้อแบบเหมาคละเกรดก็เป็นอีกราคา ทั้งนี้ ทางสวนกำหนดไว้ 2 เกรด คือ A, B สำหรับผลที่ร่วงจะเก็บส่งขายให้กับโรงงานแปรรูป

ผลสีเขียวยังไม่แก่ แต่บางลูกชิมแล้วหวาน

แบบเกรด A มีจำนวน 20 ผลต่อกิโลกรัม ขาย 40 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนเกรด B มีจำนวน 30-40 ผลต่อกิโลกรัม ขาย 35 บาทต่อกิโลกรัม (ราคาปี 2564) คุณธรรม บอกว่า ราคาที่ขายถือว่าพอใจ มีรายได้เฉลี่ยปีละแสนกว่าบาท แต่ถ้าโชคร้ายเจอปัญหาภัยธรรมชาติก็ติดลบทันที จำเป็นต้องหันไปประกอบอาชีพเกษตรอย่างอื่นแทน อย่างไรก็ตาม ลิ้นจี่เป็นไม้ผลที่ปลูกและดูแลง่ายเมื่อเทียบกับปลูกลำไย เพียงมีความยุ่งยากต้องเก็บผลผลิตเท่านั้น

ลิ้นจี่ที่มัดเป็นพวงแล้วนำไปจัดเรียงในตะกร้าพลาสติก

สำหรับช่องทางขายส่วนมากขายให้กับคนมารับซื้อเพื่อไปขายตลาดในชุมชนหรือแหล่งท่องเที่ยว ส่วนทางออนไลน์ คุณธรรม บอกว่า ผลไม้ชนิดนี้ผิวจะเปลี่ยนสีเร็ว เป็นสีคล้ำมองดูไม่น่ารับประทาน ดังนั้น การจัดส่งด้วยรถในระยะทางไกลเกินไปจึงไม่เหมาะ แต่ที่เห็นมีวางขายตามห้างเพราะผู้ขายต้องใช้วิธีแช่ไว้ในห้องเย็น

แพ็กกล่องเตรียมส่งขาย

 

ช่วงดอกบาน

 

ผลผลิตบนต้นที่ยังไม่เก็บ

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นฤดูให้ผลผลิตลิ้นจี่ทางภาคเหนือ หากท่านใดสนใจต้องการชิมลิ้นจี่ฮงฮวยที่สวนคุณธรรม ติดต่อโทร. 080-033-2866

ขอบคุณ : สำนักงานเกษตรอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่