ปลูกอินทผลัม 1 ไร่ โกยรายได้เกือบล้าน ผลงาน “สนอง กล่อมประเสริฐ” แห่งไร่เลิศรส

ปัจจุบัน “อินทผลัม” กลายเป็นพืชเศรษฐกิจความหวังใหม่ของเกษตรกรจำนวนมาก เพราะอินทผลัมปลูกดูแลง่าย แถมขายได้ราคาสูง ทำให้เกษตรกรแห่ปลูกกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเป็นเศรษฐีกันได้ทุกราย ขึ้นอยู่กับฝีมือการผลิตและการตลาดของเกษตรกรแต่ละรายเป็นหลัก

ในฉบับนี้ ขอพาไปเยี่ยมชม “อินผลัมไร่เลิศรส” ของ “คุณสนอง กล่อมประเสริฐ” เจ้าของกิจการน้ำผลไม้รายใหญ่ รู้จักกันดีในชื่อ บริษัท เลิศรส เบฟเวอเวจ อินเทสตี้ จำกัด ในพื้นที่ตำบลท่าเสา อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ในปีนี้แปลงปลูกอินทผลัมของคุณสนองเริ่มให้ผลผลิตเป็นปีแรก ก็สามารถคืนทุนได้แล้ว และมีผลกำไรก้อนโต คุณสนอง บอกว่า เขาปลูกอินทผลัม 1 ไร่ สร้างรายได้เกือบ 1 ล้านบาท ทีเดียว

คุณสนอง กล่อมประเสริฐ เจ้าของกิจการ “อินทผลัมไร่เลิศรส”

ปลูกอินทผลัม ต่อยอด
กิจการแปรรูปน้ำผลไม้

คุณสนอง เติบโตในครอบครัวที่มีฐานะยากจน เรียนจบแค่ชั้นมัธยม เขาทำงานสู้ชีวิตมาหลากหลายอาชีพ ก่อนหน้านี้เขาเป็นตัวแทนขายน้ำส้มเกล็ดหิมะที่ขายดิบขายดีมาก แต่มีข่าวออกมาว่า พบเชื้อราและสารปนเปื้อนในน้ำส้มเกล็ดหิมะ ทำให้ขายของไม่ได้

จุดพลิกผันในชีวิตเกิดขึ้น เมื่อเขาหันมาทำน้ำเต้าหู้นมสดออกขาย ปรากฏว่าขายดีมาก ปี 2554 เขาจึงจดทะเบียน บริษัท เลิศรสเบฟเวอเรจ สร้างโรงงานผลิตน้ำผลไม้แปรรูปที่ได้มาตรฐานทั้งแบบพาสเจอไรซ์และแบบสเตอริไลซ์ จำหน่ายในแบรนด์ “เลิศรส” ส่งขายร้านโชห่วยทั่วประเทศ สร้างรายได้หลายร้อยล้านบาทต่อปี

เมื่อ 3 ปีที่แล้ว คุณสนอง ได้รู้จัก “อินทผลัม” ในฐานะผลไม้ที่มีน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว เมื่อนำไปบริโภคจะไม่ทำให้เป็นโรคอ้วน จึงวางแผนปลูกอินทผลัมเพื่อนำผลสดมาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มในลักษณะน้ำผลไม้แปรรูป 25% และน้ำอินทผลัม 100% โดยวางเป้าหมายนำอินทผลัมที่ปลูกมาใช้เป็นวัตถุดิบเพิ่มความหวานให้กับกิจการน้ำผลไม้แปรรูป ยี่ห้อเลิศรส ตั้งแต่ ปี 2562 เป็นต้นไป

“อินทผลัมผลสด น้ำหนัก 1 กิโลกรัม สามารถคั้นเป็นน้ำอินทผลัมได้ประมาณ 4 ขีด ใส่น้ำตาลแค่ 2% ต่อขวด จำหน่ายในราคา ขวดละ 100-150 บาท ขณะที่การแปรรูปน้ำผลไม้โดยทั่วไป มักใช้น้ำตาลเป็นส่วนผสม 12 กิโลกรัม ต่อน้ำ 70 กิโลกรัม แต่น้ำอินทผลัมแปรรูป ใช้น้ำตาลน้อยกว่าน้ำผลไม้ชนิดอื่น 10 เท่า เพราะผลอินทผลัมมีรสหวานสูงอยู่แล้ว แถมเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดียวทีดีต่อสุขภาพอีกต่างหาก” คุณสนอง กล่าว

น้ำอินทผลัมแปรรูป 100% ราคาขวดละ 150 บาท

หลังจากคุณสนองตั้งเป้าหมายที่จะใช้อินทผลัมเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตน้ำผลไม้แปรรูป จึงลงทุนปลูกอินทผลัมในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดราชบุรี เพื่อเป็นฐานการผลิตป้อนเข้าสู่โรงงานแล้ว เขายังวางแผนสร้างเครือข่ายผู้ผลิตและแปรรูปอินทผลัมอีกด้วย

ในเบื้องต้นคุณสนองสามารถรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกอินทผลัมจำนวน 25 ราย จากทั่วประเทศ โดยสมาชิกเครือข่ายปลูกอินทผลัมรวมกัน ประมาณ 12,000 ต้น ภายในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า จะมีผลผลิตป้อนเข้าสู่ตลาดโดยเฉลี่ย ประมาณ 550 กิโลกรัม ต่อต้น

คุณสนอง บอกว่า เครือข่ายอินทผลัมดังกล่าว แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการผลิตและการตลาดให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกเกิดความเข้มแข็ง ทั้งนี้ คุณสนองและเพื่อนเกษตรกรได้ร่วมกันลงขันก่อตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อรับซื้ออินทผลัมผลสดจากสมาชิกเพื่อนำมาแปรรูปเป็นน้ำอินทผลัมหลากหลายรสชาติ หลังหักค่าต้นทุนการผลิต การแปรรูป และการขาย จะหักผลกำไรเข้าบริษัท 40% ที่เหลืออีก 60% จะแบ่งปันผลกำไรส่งคืนให้สมาชิกแต่ละราย

“แม้ผมไม่ได้เป็นเกษตรกรตั้งแต่กำเนิด แต่เข้าใจดีว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรมในการขายผลผลิต เพราะโดนพ่อค้าคนกลางผูกขาดตลาดหรือกดราคารับซื้อผลผลิตในราคาถูก ทำให้เกษตรกรไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ จึงเกิดแนวคิดให้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกอินทผลัมเพื่อป้องกันไม่ให้พ่อค้าคนกลางมาบีบด้านการตลาดในอนาคต ขณะเดียวกันก็สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มอินทผลัมผลสดได้มากขึ้น” คุณสนอง กล่าว

การปลูกดูแล

ปัจจุบัน ไร่เลิศรส มีพื้นที่ปลูกอินทผลัมอยู่ 2 แห่ง คือ แปลงแรกเป็นสวนอินทผลัมในพื้นที่ตำบลท่าเสา อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เนื้อที่รวม 11 ไร่ เริ่มให้ผลผลิตรุ่นแรก ในปี 2561 และแปลงที่สองอยู่ในจังหวัดราชบุรี เนื้อที่ 120 ไร่ ปลูกอินทผลัมไปแล้วประมาณ 3,000 ต้น จะเริ่มให้ผลผลิตรุ่นแรกในปี 2562

แปลงปลูกอินทผลัมไร่เลิศรส จังหวัดราชบุรี

สำหรับแปลงแรก คุณสนองปลูกอินทผลัมอยู่ใกล้กับโรงงานแปรรูปน้ำผลไม้เลิศรสนั่นเอง ที่นี่แบ่งการปลูกอินทผลัมในลักษณะแปลงทดลอง 3 รูปแบบ คือ ปลูกอินทผลัมในสภาพดินเค็ม แปลงดินจืดปลูกแบบยกร่อง และแปลงดินจืดปลูกแบบไร่ โดยทดลองปลูกในระยะห่างตั้งแต่ 5 เมตร 6 เมตร 7 เมตร และ 8 เมตร

“ผมตั้งใจให้แปลงปลูกอินทผลัมที่อำเภอกระทุ่มแบนเป็นแปลงต้นแบบ ให้ผู้สนใจนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้บนที่ดินทำกินของตัวเอง การปลูกอินทผลัมไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก แค่มีที่ดินทำกินสัก 1-2 ไร่ ก็สามารถปลูกอินทผลัมได้ ในระยะห่าง 5 เมตร แต่ผลผลิตต่อต้นอาจจะน้อยกว่าต้นอินทผลัมที่ปลูกในระยะห่างกว่า ในต่างประเทศนิยมปลูกอินทผลัมในระยะห่าง 8×8 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 25 ต้น สำหรับเมืองไทย ผมคิดว่าระยะปลูกที่เหมาะสมที่สุดก็คือ ปลูกในระยะ 7×7 เมตร เพราะต้นอินทผลัมจะได้แสงแดดเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์” คุณสนอง กล่าว

อินทผลัมพันธุ์บาร์ฮี

คุณสนอง ตัดสินใจปลูกอินทผลัมพันธุ์บาร์ฮี (Barhi) เป็นหลัก เพราะอินทผลัมพันธุ์นี้ ปลูกดูแลง่าย ผสมติดง่าย และให้ผลผลิตร้อยเปอร์เซ็นต์ในเมืองไทย เขานำเข้าอินทผลัมบาร์ฮีที่เพาะเนื้อเยื่อจากแล็บอังกฤษ DPD LTD.U.K. เข้ามาปลูก แปลงที่คุณสนองพามาเยี่ยมชมในครั้งนี้ เป็นแปลงปลูกอินทผลัมในพื้นที่ดินจืด ที่ปลูกแบบไร่ จำนวน 111 ต้น ซึ่งให้ผลผลิตครบทุกต้น

“หลังปลูก แค่ดูแลป้องกันเรื่องแมลงศัตรูพืชประเภทด้วงอย่างเดียว เช่น ด้วงกุหลาบ ด้วงแรด ด้วงงวงมะพร้าว และดูแลใส่ปุ๋ยทุกๆ 15 วัน สำหรับแปลงปลูกแห่งนี้ แม้ให้ผลผลิตเป็นปีแรก ก็จะให้ผลผลิตมากถึง 10 ตัน ผมปลูกอินทผลัม ขายทั้งผลสดและแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ออกขายเอง ปรากฏว่า ผลผลิต 1 ไร่ สร้างรายได้เกือบ 1 ล้านบาททีเดียว” คุณสนอง กล่าว

ฟันธง…ปลูกอินทผลัมคืนทุนไว

คุณสนอง ยืนยันว่า การปลูกอินทผลัมคืนทุนได้เร็วสุด เพราะสวนอินทผลัม อายุ 1.8 ปี เมื่อให้ผลผลิตรุ่นแรก ก็คืนทุนแล้ว แถมยังได้ผลกำไรด้วย เพราะอินผลัมพันธุ์บาร์ฮี (Barhi) ให้ผลผลิตเฉลี่ย 100 กิโลกรัม ต่อต้น จำหน่ายผลสด ในราคากิโลกรัมละ 500 บาท รายได้เฉลี่ยต่อต้นอยู่ที่ 50,000 บาท

อินทผลัมพันธุ์บาร์ฮี ให้ผลผลิต 100 กิโลกรัม ต่อต้น

นอกจากนี้ เขายังนำอินทผลัมผลสดส่วนหนึ่งมาผลิตเป็นน้ำผลไม้แปรรูป 25% ขายในราคา 35 บาท หรือ 3 ขวด 100 บาท และน้ำอินทผลัม 100% ขายในราคา ขวดละ 100-150 บาท วางขายในร้านโชห่วยทั่วประเทศ ก็ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มได้หลายเท่าตัว จึงกล่าวได้ว่า ผลผลิต 1 ไร่ สร้างรายได้เกือบ 1 ล้านบาท” คุณสนอง บอก

พันธุ์อินทผลัมที่น่าปลูก

คุณสนอง บอกว่า อินทผลัมพันธุ์บาร์ฮี นับเป็นพระเอกหลักที่น่าปลูกมากสุดในเมืองไทย เพราะปลูกดูแลง่าย ให้ผลผลิตมาก แต่เขาก็เก็บสะสมสายพันธุ์อินทผลัมอีก 7-8 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นพันธุ์กินผลสดหลากสีสัน ทั้งสีเหลือง สีส้ม และสีแดง ที่มีรสชาติอร่อย เพื่อเป็นสินค้าทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่รักสุขภาพ เช่น “อัมเอ็ดดาฮาน (Un ed dahan)” เป็นพันธุ์ที่เติบโตไว โคนต้นใหญ่ ลำต้นแข็งแรง ให้ผลสดสีส้มเข้ม เนื้อกรอบนุ่ม รสหวาน มีเส้นใยน้อย ราคาขายหน้าฟาร์ม อยู่ที่กิโลกรัมละ 800 บาท

อินทผลัมพันธุ์อัมเอ็ดดาฮาน

“สำหรับคนที่มีเงินทุนทรัพย์มาก อยากซื้ออินทผลัมไว้สะสมพันธุ์ ก็ไม่แปลกอะไร แต่คนที่มีข้อจำกัดเรื่องการเงิน อย่าไปหาซื้ออินทผลัมพันธุ์แปลกๆ มาปลูกสะเปะสะปะ เพราะเสี่ยงเจ๊งได้ เพราะอินทผลัมบางต้นเป็นสายพันธุ์ผลแห้ง ปลูกแล้วผลร่วงระเนระนาด เก็บผลขายก็ไม่ได้ เพราะผลอ่อน มีรสฝาด ท้ายสุดก็จำเป็นต้องถอนต้นทิ้ง เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา ไม่คุ้มค่าเลย” คุณสนอง กล่าว

ราคาร่วงเหลือ 30-50 บาท/กิโลกรัม ก็ยังมีกำไร

เนื่องจาก อินทผลัม เป็นไม้ผลเศรษฐกิจตัวใหม่ของเมืองไทย และเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ แต่ทุกวันนี้ เมืองไทยยังผลิตอินทผลัมเข้าสู่ตลาดได้ไม่มาก เมื่อเทียบกับปริมาณความต้องการของตลาด จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าอินทผลัมผลสด ผลแห้ง จากต่างประเทศมาขายในไทย ในราคากิโลกรัมละ 500-600 บาท อยู่แล้ว

ทำให้เกษตรกรที่ปลูกอินทผลัมออกจำหน่ายสามารถตั้งราคาขายได้สูงถึงกิโลกรัมละ 500 บาท สร้างแรงจูงใจให้ เกษตรกรจำนวนมากหันมาปลูกอินทผลัมกันอย่างกว้างขวาง จนหลายฝ่ายกังวลว่า ในระยะยาว อาจเผชิญกับวิกฤตผลผลิตล้นตลาดได้

ต้องห่อถุงตาข่ายกันแมลงศัตรูพืช

คุณสนอง กล่าวว่า การขยายพื้นที่ปลูกอินทผลัมมากขึ้น ไม่น่าห่วงมากนัก เพราะไทยสามารถส่งออกอินทผลัมผลสดส่งขายกลุ่มประเทศมุสลิม ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของไทยได้

“หากเกิดกรณีขยายพื้นที่ปลูกมากจนเกิดภาวะผลผลิตล้นตลาดจริงๆ อาจทำให้เกษตรกรผู้ปลูกอินทผลัม จำเป็นต้องลดราคาขายลงได้ ในความเป็นจริงหากวิกฤตราคาตกต่ำ จนราคาอินทผลัมเหลือแค่ 30-50 บาท ต่อกิโลกรัม ผมคิดว่า เกษตรกรก็ยังอยู่ได้ เพราะหักต้นทุนค่าใช้จ่ายแล้ว ก็มีผลกำไรเหลืออยู่ ไม่น่าห่วงหรอกครับ”คุณสนอง กล่าวในที่สุด

ผู้สนใจ สามารถเยี่ยมชม “ไร่อินทผลัมเลิศรส” ได้ที่ บริษัท เลิศรส เบฟเวอเรจ อินเทสตี้ จำกัด ที่อยู่ 22/4 หมู่ที่ 2 ตำบลท่าเสา อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร 74110 โทร. (084) 319-8558 Email : [email protected] Website :http://www.lertrose.com

 

 

 

ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับอินทผลัมไร่เลิศรสสักหน่อย

…………………………….

ขอเชิญชวนผู้สนใจปลูกอินทผลัม ร่วมกิจกรรมเสวนาเชิงปฏิบัติการ กับ เทคโนโลยีชาวบ้าน “เรียนให้รู้ ดูให้ทำเป็น เด่นทางด้านการตลาด” พาไปชม…การปลูกอินทผลัมคุณภาพ และแปรรูปครบวงจร เมืองกาญจนบุรี ในวันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2562  โดยเสียค่าใช้จ่าย ท่านละ 930 บาท ผู้สนใจ สมัครจองที่นั่งก่อน แล้วโอนเงิน (ตามจำนวนที่ระบุ) เข้า ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนประชาชื่น เลขที่บัญชี 193-079484-5 บัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) Fax (02) 580-2300 เลขที่ผู้เสียภาษี 0107536001451 หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. (02) 580-0021 ต่อ 2335, 2339, 2342, 2343 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.technologychaoban.com หรือ www.facebook.com/Technologychaoban