วว. จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นโครงการการผลิตก๊าซชีวภาพโดยใช้ชีวมวลประเภท Lignocellulosic จากกากมันสำปะหลังกระบวนการผลิตเอทานอล ข้าวฟ่างหวาน

ดร.อาภารัตน์ มหาขันธ์ รองผู้ว่าการกลุ่มวิจัยและพัฒนาด้านพัฒนาอย่างยั่งยืน สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นโครงการ “การผลิตก๊าซชีวภาพโดยใช้ชีวมวลประเภท Lignocellulosic จากกากมันสำปะหลังจากกระบวนการผลิตเอทานอลและข้าวฟ่างหวาน” ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และบริษัท ซัพพลาย เอนเนอร์จี เมเนจเม้นท์ จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์การประชุมเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการวิจัย พร้อมทั้งรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการ ผู้ประกอบการ ผู้เกี่ยวข้องและผู้สนใจใช้ประโยชน์จากงานวิจัยนี้ จำนวน 50 คน รวมทั้งมีการจัดเสวนาเรื่อง “ทิศทางและความเป็นไปได้ในการผลิตก๊าซชีวภาพจากชีวมวลในภาคอุตสาหกรรม” โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ ดร.พรพรรณ พาณิชย์นำสิน จากหน่วยปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาวิศวกรรมชีวเคมีและโรงงานต้นแบบ นายพรอรัญ สุวรรณพลาย อุปนายกสมาคมการค้าก๊าซชีวภาพ นายสิทธิคุณ เทียมประเสริฐ กรรมการบริหาร บริษัท อุบลไบโอพาวเวอร์ จำกัด ผศ.ดร.พีรกานติ์ บรรเจิดกิจ ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ดร.รุจิรา จิตรหวัง นักวิจัย วว. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ วว. มีพื้นฐานเทคโนโลยีด้านก๊าซชีวภาพและเป็นหน่วยงานของรัฐที่อยู่ในบัญชีรายชื่อบริษัทที่ปรึกษาด้านก๊าซชีวภาพของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ซึ่งมีแผนดำเนินการวิจัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพสำหรับของเสียทางการเกษตรและพืชพลังงาน รวมถึงศึกษาวัตถุดิบชีวมวลชนิดใหม่ที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ และพัฒนาเทคโนโลยีในกลุ่ม Anaerobic Phased Solids (APS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีต้นแบบการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะและชีวมวล ดำเนินงานโดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม วว. ตั้งอยู่ที่สถานีวิจัยลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันมีถังปฏิกิริยาแบบกึ่งเชิงพาณิชย์ขนาด 1,600 ลูกบาศก์เมตร ที่สามารถใช้เชื้อเพลิงชีวภาพผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ไม่เกิน 300 kW ผลจากงานวิจัยดังกล่าว นอกจากจะช่วยพัฒนาองค์ความรู้ในการผลิตก๊าซชีวภาพจากชีวมวลประเภท Lignocellulosic จากกากมันสำปะหลังจากกระบวนการผลิตเอทานอลและข้าวฟ่างหวานแล้ว ยังสามารถนำของเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมโรงงานผลิตเอทานอลมาผลิตเป็นพลังงาน นอกจากนี้ ยังจะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพื้นที่การฝังกลบ สำหรับผู้ประกอบการที่รับกำจัดกากของเสียจากอุตสาหกรรมที่มีของแข็งปนเปื้อนสูง เช่น กากมันสำปะหลัง ขยะ น้ำเสีย และตะกอนจุลินทรีย์ เป็นต้น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลงานวิจัยด้านการผลิตก๊าซชีวภาพ ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม วว. ได้ที่ โทร. (02) 577-9000 E-mail : [email protected] Line@Tistr www.tistr.or.th