กรมชลฯ คาดเดือน ส.ค.- ต.ค.พายุจรเติมน้ำเขื่อน ปีนี้มีน้ำใช้มากกว่าปี 63 เพียงพอฤดูแล้งหน้า

กรมชลประทาน คาดเดือน ส.ค.- ต.ค. พายุจรเติมน้ำเขื่อน พร้อมมรสุมจากเพื่อนบ้านทำฝนตกชุกหนักบางพื้นที่ อธิบดีฯ สั่งจับตา เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก-น้ำท่วมใน 40 จังหวัด ชี้น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วไทยอยู่ในเกณฑ์ดี คาดปีนี้มีน้ำใช้มากกว่าปี 63 เพียงพอฤดูแล้งหน้า

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำครั้งที่ 29/2564 กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ไทยอาจมีพายุจรในช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค. 2564 ประมาณ 2-3 ลูก อิทธิพลลมพายุจะทำให้เกิดฝนตกอย่างสม่ำเสมอในประเทศไทย และมีฝนตกชุกในภาคตะวันตก ส่งผลให้น้ำไหลลงเขื่อนมากขึ้น

อธิบดีกรมชลประทาน

ซึ่งการพยากรณ์ของกรมอุตุฯ มีการประเมินกัเกือบทุกสัปดาห์กรมชลประทานจึงต้องจับตาพายุ และสถานการณ์น้ำฝน เพื่อบริหารจัดการน้ำในเขื่อนไม่ให้กระทบกับประชาชนบริเวณใกล้เคียงกรณีมีน้ำมาก และเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในกรณีน้ำน้อย

ในช่วงนี้ถึง 2 ส.ค. จะมีอิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบนของภาคเหนือ สปป.ลาวและเวียดนามตอนบน ทั้งมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรง ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ทำให้มีฝนตกหนักบางพื้นที่จึงต้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก น้ำล้นตลิ่ง โดยในภาพรวมเดือนส.ค.ต้องระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ใน 40 จังหวัด 170 อำเภอ และ 538 ตำบล

ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมาโครงการชลประทานทั่วประเทศได้ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคัน บริเวณริมแม่น้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมรับน้ำหลากป้องกันน้ำท่วมชุมชน พร้อมเตรียมแผนเผชิญเหตุรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักร เครื่องมือ เพื่อบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมชลประทาน ได้จำลองสถานการณ์กรณีมีฝนตกตามที่กรมอุตุฯคาดการณ์ว่าตั้งแต่เดือน ส.ค.เป็นต้นไปจมีปริมาณน้ำฝนสม่ำเสมอ สถานการณ์น้ำไหลลงอ่างขนาดใหญ่    35 แห่งทั่วประเทศ ไว้ 7 รูปแบบ ณ 1 พ.ย. 2564

สำหรับรูปแบบที่ 1 กรณีมีน้ำมาก เขื่อนจะมีน้ำปริมาณ 58,399 ล้าน ลบ.ม.หรือประมาณ 82% ของความจุ

2. กรณีน้ำเฉลี่ยเขื่อนจะมีน้ำปริมาณ 51,295 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 72% ของความจุ

3. กรณีน้ำน้อยเขื่อน จะมีน้ำปริมาณ 39,538 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 56% ของความจุ

4. กรณีน้ำปี 2539 เขื่อนจะมีน้ำปริมาณ 55,098 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 78% ของความจุ

5. กรณีน้ำปี 2551 เขื่อนจะมีน้ำปริมาณ 51,791 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 73% ของความจุ

6. กรณี One Map เขื่อนจะมีน้ำปริมาณ 46,421 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 65% ของความจุ

และ 7. กรณีเลือกปี เขื่อนจะมีน้ำปริมาณ 52,038 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 73% ของความจุ

อย่างไรก็ตาม หากให้ประเมินสถาการณ์น้ำกรณีเลือกปี น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดีมีปริมาณน้ำตั้งแต่ 81-100% ขึ้นไปของความจุจำนวน 15 แห่ง

ส่วนปริมาณน้ำ 51-80% ของความจุ จำนวน 12 แห่ง ถือว่าน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี และปริมาณน้ำ 31-50% ของความจุจำนวน 7 แห่ง ถือว่าปริมาณน้ำพอใช้

และปริมาณน้ำน้อยไม่เกิน 30% ของความจุจำนวน 1 แห่ง โดย 1 พ.ย. นี้ คาดมีปริมาณน้ำมากกว่าปี 2563 อยู่ประมาณ 8,624 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งที่ผ่านมากรมชลประทานมองว่าสถานการณ์น้ำปี 2564 จะใกล้เคียงปี 2551 คือมีน้ำใช้การได้มากกว่าปี 2563 อยู่ปริมาณ 8,377 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งจะเพียงพอสำหรับใช้ในฤดูแล้งหน้จนกว่าฝนใหม่จะมา