“ปลีกล้วย” ผลพลอยได้ ที่ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม

เมื่อนานมาแล้วทางนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านได้มีการลงบทความของ คุณไพบูลย์ ไกรทอง หรือ พี่ต่อ อยู่บ้านเลขที่ 112 หมู่ที่ 12 ตำบลนาป่า อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ไปแล้ว ในเรื่องของการปลูกกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องสร้างรายได้ แต่ในครั้งนี้ทางทีมงานเทคโนโลยีชาวบ้านได้มีการโทร.อัพเดทข้อมูลการต่อยอดสร้างรายได้จากการปลูกกล้วยเพิ่มเติม จึงทำให้ได้รู้ว่าในปัจจุบันนี้นอกจากที่สวนจะมีรายได้จากการขายกล้วยน้ำว้าแล้ว ยังมีการเพิ่มช่องทางสร้างรายได้จากหัวปลีหรือปลีกล้วย อีกด้วย ส่วนการสร้างรายได้จากปลีกล้วยนั้นจะเป็นไปในแนวทางไหนเชิญมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน

คุณไพบูลย์ ไกรทอง หรือ พี่ต่อ

พี่ต่อเล่าถึงการสร้างรายได้จากปลีกล้วยว่า ปัจจุบันที่สวนของตนเองเน้นการปลูกกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องเป็นหลัก บนพื้นที่กว่า 60 ไร่ ปลูกมานานกว่า 13 ปี ซึ่งจุดเด่นของกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องคือ ลูกโต ผิวสวย เป็นที่ต้องการของตลาด เป็นพืชหลักสร้างรายได้ดีมาโดยตลอด แต่ด้วยลักษณะนิสัยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ชอบหยุดนิ่ง พยายามจะหาอะไรทำเสริมอยู่เสมอ จนได้มองไปเห็นปลีกล้วยของที่สวนที่มีจำนวนเยอะจะทิ้งก็เสียได้ จึงเกิดเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อยอดจากปลีกล้วยเพิ่ม

กล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง ฝีมือพี่ต่อ

จากการเริ่มต้นเดินเข้าไปหาตลาดในชุมชนก่อนว่าร้านไหนสนใจรับปลีกล้วยของเราไปขาย แล้วค่อยขยายสู่ตลาดสดในตัวเมือง รวมถึงร้านขายกล้วยทอด ขายทอดมัน และอื่นๆ ที่พอจะเป็นลูกค้าได้ จนกระทั่งเกิดการบอกปากต่อปาก ทำให้ปลีกล้วยของที่สวนขายได้ดีมากขึ้น แต่ยังไงก็ตามด้วยจำนวนกล้วยที่ปลูกมากถึง 60 ไร่ การขายในตลาดแค่นี้คงยังไม่เพียงพอ ตนเองจึงได้ต่อยอดจากปลีกล้วยที่มีอยู่ด้วยการถ่ายรูปลงในช่องทางโซเชียลของตัวเอง เพื่อบอกเล่าถึงความพิถีพิถันใส่ใจในการปลูกและดูแลกล้วยและปลีกล้วยในแต่ละต้น จนมีคนสนใจและติดต่อเข้ามาขอรับซื้อปลีกล้วยเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่ง 1 ในนั้นจะมีโรงงานที่ต้องการนำปลีกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องไปทดลองบดเป็นผงเพื่อนำไปทำเป็นยารักษาโรค แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นปลีกล้วยที่เกิดมาจากการดูแลอย่างดี

“ปลีกล้วย” พร้อมออกเดินทาง จุดหมายลำลูกกา

โดยในทางยาแพทย์แผนไทยหรือยาพื้นบ้าน ถือว่าปลีกล้วยนอกจากเป็นอาหารบำรุงน้ำนมของสตรีให้นมลูกแล้ว ปลีกล้วยคือ ยาบำรุงเลือด แก้ภาวะโลหิตจาง ลดน้ำตาลในเลือด และแก้โรคเกี่ยวกับลำไส้ด้วย

น่าจะอธิบายได้ว่า จากการศึกษาในปัจจุบันพบว่า ปลีกล้วยมีธาตุเหล็กอยู่จำนวนมากพอสมควร จึงมีส่วนในการบำรุงเลือด แก้ภาวะโลหิตจาง และมีสูตรยาโบราณขนานหนึ่ง กล่าวว่า ปลีกล้วยแก้ปัญหาปวดท้องโรคกระเพาะและปัญหาลำไส้ โดยให้นำปลีกล้วยมาเผาแล้วคั้นเอาแต่น้ำมากินครั้งละประมาณ 1/2 แก้ว ควรกินก่อนกินอาหารแต่ละมื้อสัก 1 ชั่วโมง ปลีกล้วยจะเป็นยาคล้ายๆ จะช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร

เร่งมือตัดส่งลูกค้า

“ปลีกล้วย” ผลพลอยได้
ที่ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม

เจ้าของบอกว่า สำหรับการริเริ่มหาตลาดขายปลีกล้วยเป็นอะไรที่ไม่ต้องลงทุน เปรียบเป็นเหมือนผลพลอยได้จากการที่ดูแลกล้วยอยู่แล้ว ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายในการดูแลอะไรเพิ่มเติม เพียงแค่ต้องหันมาพิถีพิถันตกแต่งใบกล้วยไม่ให้ไปพัดโดนปลีกล้วยให้เกิดความเสียหายเพียงเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันที่สวนจะเลือกปลูกกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องเพียงอย่างเดียว และเป็นกล้วยที่ปลูกโดยไม่พึ่งสารเคมี ค่อนข้างที่จะเหมาะสำหรับลูกค้าที่นำไปประกอบอาหารและใช้ประโยชน์ทางอุตสาหกรรมการแพทย์

ลักษณะของปลีกล้วยที่ตลาดต้องการ หัวใหญ่ สีสวย มีน้ำหนักต่อหัวประมาณ 1-1.5 กิโลกรัม หรือถ้าอยู่ในช่วงฤดูฝนน้ำหนักของปลีกล้วยก็จะเพิ่มขึ้นมา แล้วแต่ความอุดมสมบูรณ์ในแต่ละพื้นที่

ส่งกล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง ให้ลูกค้าวันนี้ 500 กว่าหวี

ราคาขาย ณ ปัจจุบันที่สวนขายในราคาส่งกิโลกรัมละ 10 บาท เพื่อให้พ่อค้าคนกลางสามารถนำไปขายมีกำไรต่อได้ และอีกส่วนเป็นตลาดส่งขายให้โรงงานสำหรับการนำไปต่อยอดผลิตเป็นยา ในส่วนนี้ทางโรงงานจะมีการติดต่อขอรับซื้อในครั้งแรกที่ขายให้กับโรงงานในจำนวน 150 กิโลกรัม และในครั้งต่อมามีการสั่งเพิ่มเป็น 250 กิโลกรัม ซึ่งในอนาคตอาจมีการทำสัญญาซื้อขายให้ส่งเป็นประจำทุกเดือน แต่ทางสวนก็ยังคงต้องศึกษาตลาดด้านการขายปลีกล้วยต่อไป เพราะในช่วงที่ผ่านมามีลูกค้าติดต่อเข้ามาซื้อปลีกล้วยอยู่หลายเจ้า แต่ยังไม่คอนเฟิร์มในเรื่องของออร์เดอร์ มีเพียงเจ้าเดียวอยู่ที่อำเภอลำลูกกาเป็นลูกค้าเจ้าแรกในขณะนี้ โดยการส่งปลีกล้วยในแต่ละครั้ง ทางโรงงานจะเป็นคนออกค่าขนส่งให้ด้วย ซึ่งหากถามถึงความสำเร็จหรือรายได้ที่เข้ามาเป็นกอบเป็นกำหรือไม่ ก็ตอบเลยว่ายังไม่ถึงขนาดนั้น แต่หากมองในแง่ของการต่อยอดเพิ่มรายได้จากของที่เหลือภายในสวน แล้วเรามาทำให้เกิดเป็นรายได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จมาอีกขั้นหนึ่งแล้ว

ปลายทางชลบุรี

แนะนำการตลาด

“อยากแนะนำตลาดสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกกล้วย ให้ลองหันมาสร้างรายได้จากตรงนี้ด้วย หากยังไม่รู้จะไปเริ่มหาตลาดจากที่ไหน ก็เริ่มหาจากบ้านใกล้เรือนเคียง จากตลาดนัดในชุมชน แล้วค่อยขยายไปสู่ตลาดในตัวเมือง แต่สำหรับในยุคดิจิทัลแบบนี้สิ่งที่จะช่วยให้ตลาดการซื้อขายของเราไปได้ไกลและเร็วที่สุดคือช่องทางออนไลน์ ก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ต้องลงทุนเงินตรา ลงทุนเพียงความขยัน หมั่นถ่ายรูปสร้างเรื่องราวการทำสวน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่พบเห็นว่าที่สวนของเรามีการปลูกและขายจริง ก็ต้องมีสักวันแหละที่รูปที่เราลงไปเตะตาพ่อค้าเข้าสักวัน เหมือนอย่างที่สวนผม” พี่ต่อ กล่าวทิ้งท้าย

กล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง ลูกโต ผิวสวย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 095-323-1263 หรือติดต่อได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก : Tor Paiboon Kaithong, สวนผลไม้ไร่ผาขาว