วช. จับมือ มอ. สร้างมูลค่าเพิ่ม ถุงมือยาง-ข้าวสังข์หยด-พืชกระท่อม

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้สนับสนุนแผนงานการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานด้านการวิจัยและนวัตกรรม ภายใต้โครงการต้นแบบการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานด้านการวิจัยและนวัตกรรม ด้านการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก ในพื้นที่จังหวัดสงขลา จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ 1. ถุงมือนวัตกรรมจากยางพาราฆ่าเชื้อด้วยตัวเองช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 2. โครงการแปรรูปข้าวสังข์หยดอินทรีย์ เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชันเพื่อสุขภาพ 3. โครงการ “การประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากพืชกระท่อมเพื่อสุขภาพ

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า วช. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและถ่ายทอดความรู้เพื่อใช้ประโยชน์ โดยขับเคลื่อนและผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ถ่ายทอดเพื่อพัฒนา แก้ไขปัญหาท้าทายสังคม รวมถึงส่งเสริมสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศเชื่อมโยงกิจกรรมการวิจัยและพัฒนาในการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมที่ช่วยจัดการห่วงโซ่อุปทาน เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน หนุนระบบชุมชนท้องถิ่นให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืนผ่านการบูรณาการความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม เพื่อส่งเสริมและยกระดับให้คุณภาพชีวิตของคนในชุมชนและพื้นที่เป้าหมายดีขึ้น

ตรวจสอบคุณภาพถุงมือยาง

 

นวัตกรรมถุงมือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 

เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนทั่วโลก นำมาซึ่งความสูญเสียทั้งด้านสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม อย่างมหาศาล ไม่อาจประเมินค่าได้ เชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว มีการกระจายตัวไปยังหลายจังหวัดของประเทศไทย รวมถึงการเกิดภาวะกลายพันธุ์ ซึ่งมีความรุนแรง ทําให้ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน

“ยางพารา” เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของพื้นที่ภาคใต้มาอย่างยาวนาน แต่หลายปีที่ผ่านมาวิกฤตราคายางพาราตกต่ำส่งผลกระทบต่ออาชีพและรายได้ของเกษตรกรจำนวนมาก วช. จึงสนับสนุนให้นำน้ำยางพาราธรรมชาติที่เป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคใต้ มาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปแบบ ถุงมือยางพาราเคลือบน้ำยานาโมอิมัลชันเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคโควิด-19 และเชื้อโรคอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ในอนาคต

กระท่อมก้านแดง เครดิตภาพ บ้านสวนเก็บตะวัน

ปี 2564 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้สนับสนุนงบประมาณให้กับสถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ สำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พัฒนา “ถุงมือยางธรรมชาติ/ถุงมือไนไตรเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชันป้องกันการติดเชื้อโรคโควิด-19 เพื่อใช้ในพื้นที่เสี่ยง” เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และบทบาทเชิงรุกของไทยในเวทีโลก ผ่านการยกระดับความร่วมมือด้าน อววน. กับต่างประเทศ ทั้งในระดับประเทศและระดับหน่วยงาน

ผศ.นพ.วรวิทย์ วาณิชย์สุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์

ผศ.นพ.วรวิทย์ วาณิชย์สุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เป็นหัวหน้าโครงการ กล่าวว่า มอ. ได้นำถุงมือยางพาราและถุงมือไนไตรที่ผลิตจากยางสังเคราะห์มาเคลือบสูตรน้ำยานาโนอิมัลชัน เพื่อปรับแต่งโครงสร้างพื้นผิวถุงมือยางให้มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัสอยู่ได้ประมาณ 24 ชั่วโมง โดยมีต้นทุนในการผลิตประมาณคู่ละ 0.50-1.00 บาท

 

นวัตกรรมนี้ ทำให้ถุงยางมีความปลอดภัยในการใช้งาน ลดการปนเปื้อน และป้องกันการติดเชื้อจากการสัมผัสลงได้แล้วยังช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์การใช้น้ำยางข้นในประเทศ โดยกระบวนการแปรรูปในระดับอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางไม่น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของการใช้น้ำยางข้นแปรรูปในอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชัน เพื่อนำวัตถุดิบที่มีอยู่มากในภาคใต้ประจำท้องถิ่นคือ น้ำยางพาราเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการดูแล ป้องกันประชาชนจากการติดเชื้อโรค และถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยไปยังชุมชนท้องถิ่นเพื่อยกระดับการผลิต ช่วยสร้างรายได้ให้ประชาชน และตอบสนองความต้องการพัฒนาของท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างยั่งยืน

ปี 2565 วช. และ มอ. วางแผนนำถุงมือเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชัน มาใช้ในพื้นที่ ด่านพรมแดน ประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย จำนวน 5 แห่ง รวมทั้งโรงพยาบาล สถานพยาบาล ในจังหวัดสงขลาจำนวน 10 แห่ง เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่มาใช้บริการของส่วนโรงพยาบาล ที่ใช้ถุงมือตรวจโรคและป้องกันการกระจายเชื้อโรคได้ด้วยการกำจัดเชื้อโรคด้วยตนเองของถุงมือยาง/ไนไตรเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชัน

นาข้าวสังข์หยด

นอกจากนี้ คาดหวังว่า ในปี 1-2 แรก ของการผลิตนวัตกรรมถุงมือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเกิดการยกระดับผลิตภาพในกระบวนการผลิต สินค้า บริการตลอด Value Chain ในพื้นที่จังหวัดเป้าหมาย มีรายได้สุทธิ ภาพรวมเพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อย 5,000 คน มีการเพิ่มรายได้ครัวเรือนในกลุ่ม 40 เปอร์เซ็นต์ล่างของประชากรในจังหวัดเป้าหมายอย่างน้อย 1.5 เท่า และมีจำนวนครัวเรือนในพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากการใช้ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ไม่น้อยกว่า 50% ของจำนวนประชากรในพื้นที่เป้าหมาย  

ทีมนักวิจัยคาดหวังว่า นวัตกรรมนี้นอกจากช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคตามนโยบายของภาครัฐแล้ว ยังทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการทำกิจกรรมการค้าระหว่างพรมแดนไทยและมาเลเซียมากขึ้น เนื่องจากการลดลงของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 นำไปสู่การต่อยอดของนวัตกรรมไปสู่เชิงพาณิชย์ และเกิดการนำยางธรรมชาติไปใช้มากยิ่งขึ้น กระตุ้นให้มีการใช้ยางธรรมชาติภายในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น

 

เพิ่มมูลค่า “ข้าวกล้องสังข์หยดอินทรีย์พัทลุง” 

เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพผู้สูงวัย-วัยทำงาน

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้สนับสนุนทุนวิจัยโครงการ เรื่อง “การผลิตเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลชนิดผงสำเร็จรูปจากสารสกัดข้าวกล้องสังข์หยดอินทรีย์สำหรับผู้สูงวัยและวัยทำงาน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก” ให้แก่ ดร.พรวิชัย เต็มบุตร อาจารย์ประจำหลักสูตรเทคโนโลยีเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตรและชีวภาพ แห่งมหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ซึ่งนวัตกรรมการแปรรูปข้าวสังข์หยด ช่วยแก้ปัญหาไม่มีผู้รับซื้อข้าวตกเกรด และเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวสังข์หยดอินทรีย์ ที่สำคัญช่วยยกระดับมาตรฐานการครองชีพและความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสังข์หยดอินทรีย์พัทลุงในชุมชนให้ดีขึ้น

ดร.พรวิชัยในฐานะหัวหน้าโครงการ กล่าวว่า ทีมนักวิจัยจากคณะอุตสาหกรรมเกษตรและชีวภาพ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ร่วมมือกับสถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ มอ. ได้นำองค์ความรู้และนวัตกรรม การเพิ่มมูลค่าจากข้าวกล้องสังข์หยดพัทลุงหักท่อนที่มีจำนวนมากจากผ่านกระบวนการสีข้าวแล้วยังส่งเสริมรายได้พื้นที่เป้าหมาย สร้างเกษตรกรต้นแบบในพื้นที่จังหวัดพัทลุงและส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนชาวนาพัทลุงและสมาคมผู้ปลูกและค้าข้าวสังข์หยดพัทลุง ยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น

ข้าวสังข์หยด

ทีมนักวิจัยได้นำข้าวกล้องสังข์หยดอินทรีย์ มาผลิตในรูปแบบของ เครื่องดื่มฟังก์ชันนอลชนิดผงสำเร็จรูปจากสารสกัดข้าวกล้องสังข์หยดอินทรีย์สำหรับผู้สูงวัยและวัยทำงาน และพัฒนาเป็นเครื่องดื่มฟังก์ชันนอล 2 สูตร คือ “สูตรเสริมถั่ว 5 สี” มีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระและโปรตีนสูง เสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อหัวใจ และ “สูตรเสริมโพรไบโอติก” ที่มีส่วนช่วยในการขับถ่ายที่ปลอดภัย เหมาะกับกลุ่มผู้สูงอายุและวัยทำงาน

ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชัน จากข้าวกล้องสังข์หยดอินทรีย์หักท่อน “เพื่อสุขภาพ” มีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงมากเมื่อเทียบกับข้าวทั่วไป เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีกลไกที่ช่วยป้องกันและยับยั้งการเกิดโรคจากความเสื่อมของเซลล์ ช่วยชะลอความชราและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ ที่มักพบในผู้สูงวัย สาร GABA ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ช่วยลดโอกาสในการเป็นมะเร็งได้เป็นอย่างดี มีธาตุเหล็ก ธาตุฟอสฟอรัสสูง ซึ่งมีประโยชน์ในการบำรุงโลหิต บำรุงร่างกายให้แข็งแรง ช่วยเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ เสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟัน และปริมาณไนอะซินที่สูงมาก ช่วยในการป้องกันสภาวะการผิดปกติทางระบบประสาทและความจำเสื่อม

ทีมนักวิจัยคาดหวังว่า โครงการการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชัน จะช่วยก่อให้เกิดการ “ยกระดับมาตรฐานการครองชีพและความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสังข์หยดอินทรีย์พัทลุงในชุมชนให้ดีขึ้น” นำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และความไม่เสมอภาคของสังคมไทย ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ให้เกษตรกรไทยมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างยั่งยืน

 

สร้างโรงงานต้นแบบสกัดพืชกระท่อม

เป็นยาสมุนไพร-เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

ถุงมือยางธรรมชาติเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชันป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ วช. ยังให้การสนับสนุนทุนวิจัยโครงการ “การประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากพืชกระท่อมเพื่อสุขภาพ แก่สถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ มอ. ได้นำองค์ความรู้จากการวิจัยมาผลิตสารสกัดมาตรฐานสมุนไพรเพื่อใช้ในทางการแพทย์ในการผลิตสารสกัดจากพืชกระท่อมให้มีมาตรฐานความปลอดภัย

สถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ มอ. ได้สร้างโรงงานต้นแบบสกัดสารสมุนไพรพืชกระท่อม เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมถึงพัฒนาและศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของตำรับเครื่องดื่มเข้มข้นจากสารสกัดใบพืชกระท่อมรสกาแฟเพื่อส่งเสริมสุขภาพทำให้ร่างกายสดชื่น ตำรับผงแกรนูลจากสารสกัดใบพืชกระท่อมเพื่อใช้เป็นผลิตภัณฑ์ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และตำรับครีมเพื่อใช้บรรเทาอาการปวดข้อเข่า และประเมินผล กระทบทางเศรษฐกิจของผลิตภัณฑ์สมุนไพรพืชกระท่อมเพื่อสุขภาพไปพร้อมๆ กัน