สศก. เปิดผลศึกษาจัดการสิ่งปฏิกูลจากฟาร์มสุกรสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิด BCG Model

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงผลการศึกษา แนวทางการพัฒนาการบริหารจัดการสิ่งปฏิกูลจากฟาร์มสุกรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยการนำผลพลอยได้จากบ่อบำบัดน้ำเสียแบบได้ก๊าซชีวภาพในฟาร์มสุกร ได้แก่ ก๊าซชีวภาพ กากตะกอน และน้ำเสียที่ผ่านการบำบัด กลับมาใช้ภายในฟาร์มรวมทั้งจำหน่ายสร้างรายได้เพิ่ม เพื่อมุ่งยกระดับฟาร์มเลี้ยงสุกรไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตามแนวทางของ BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) หรือการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว

ในการศึกษาครั้งนี้ สศก. ได้ทำการศึกษา เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรขุนที่ได้มาตรฐานฟาร์ม GAP ที่มีระบบบำบัดน้ำเสียที่ใช้ในการผลิตก๊าซชีวภาพ โดยเกษตรกรจะชำระล้างมูลสุกรผ่านท่อไปยังบ่อหมักก๊าซชีวภาพ ซึ่งบ่อปิดคลุมด้วยพลาสติก ทำให้เกิดการผลิตก๊าซชีวภาพด้วยกระบวนการหมักแบบไร้ออกซิเจน ใช้ระยะเวลาในการหมักประมาณ 14-20 วัน จึงเกิดก๊าซ โดยเกษตรกรสามารถนำไปผ่านเครื่องปั่นไฟ เพื่อเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าและนำไปใช้กับพัดลมในฟาร์ม ซึ่งสามารถลดต้นทุนการผลิตในส่วนของค่าพลังงานในฟาร์มลงได้ นอกจากนี้ กากตะกอนที่เหลือจากการหมัก เกษตรกรจะดูดออกมาจากบ่อและนำไปตากแดดให้แห้งและนำไปขายเป็นปุ๋ย หรือใช้เพาะปลูกพืชในฟาร์มเพื่อทดแทนปุ๋ยเคมีได้ รวมทั้งได้ศึกษากรณีการใช้ก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกรในระดับชุมชน ตำบลท่ามะนาว อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี

ซึ่ง อบต.ท่ามะนาว ได้จัดทำโครงการร่วมกับภาคีเครือข่ายจากหลายๆ หน่วยงานให้การสนับสนุนงบประมาณ และองค์ความรู้ในการปรับปรุงบ่อบำบัดน้ำเสียแบบผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มสุกร ตลอดจนการวางระบบท่อก๊าซชีวภาพไปยังครัวเรือนในชุมชน โดยมีฟาร์มสุกรในชุมชนเข้าร่วม 11 ฟาร์ม เพื่อส่งก๊าซชีวภาพให้กับครัวเรือนในชุมชนใช้ทดแทนก๊าซหุงต้ม LPG จำนวน 486 ครัวเรือน โดยมีวิสาหกิจชุมชนผู้ใช้ก๊าซจากมูลสัตว์เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการและจัดเก็บค่าบริการจากการใช้ก๊าซชีวภาพของชุมชน ตลอดจนการบำรุงรักษาระบบท่อก๊าซ

นอกจากนี้ อบต.ท่ามะนาว ได้เข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ซึ่งจะมีการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดการปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศจากกระบวนการบำบัดน้ำเสียแบบผลิตก๊าซชีวภาพของฟาร์มสุกร และให้การรับรองปริมาณคาร์บอนเครดิตซึ่งสามารถนำไปจำหน่ายให้กับภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนผู้ที่สนใจจะนำไปชดเชยกิจกรรมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเอง ซึ่งตั้งแต่ปี 2559-2563 สามารถขายคาร์บอนเครดิตแล้วรวมทั้งสิ้น 7,235 ตัน CO2 เป็นเงิน 1,853,234.03 บาท โดยในปี 2564 มีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรอง 5,156 ตัน CO2 คิดเป็นมูลค่า 1,031,213 บาท โดยรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตจะนำเข้าวิสาหกิจชุมชนผู้ใช้ก๊าซจากมูลสัตว์

ในส่วนของกรณีศึกษาการใช้ก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกรในระดับชุมชน ตำบลท่ามะนาว อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี พบว่า วิสาหกิจชุมชนฯ จะเก็บค่าบริการการใช้ก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกรเพื่อทดแทนก๊าซหุงต้ม LPG ครัวเรือนละ 50 – 55 บาท/เดือน หรือเฉลี่ยครัวเรือนละ 692 บาท/ปี ซึ่งช่วยให้ครัวเรือนในชุมชนสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายก๊าซหุงต้ม LPG ไปได้ครัวเรือนละ 2,806 บาท/ปี หรือลดลงร้อยละ 80.21 ทั้งนี้ อบต.ท่ามะนาวมีความมุ่งมั่นพัฒนาชุมชนอย่างจริงจัง

สำหรับท่านที่สนใจข้อมูลการสัมมนาและผลการศึกษาข้างต้น สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนวิจัยเศรษฐกิจปศุสัตว์และประมง สำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร (สวศ.) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โทร. 02-561-3448 ในวันและเวลาราชการ