สวนส้มยอดดอย แหล่งท่องเที่ยววิถีเกษตรแนวคิดใหม่

สวนส้มยอดดอย เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรปลอดภัยแนวคิดใหม่ โดยนำวิถีชีวิตของเกษตรกรชาวสวนส้มเขียวหวานและวิถีชีวิตชนเผ่าม้ง มารวมกันและสื่อผ่านการดำเนินงานของ คุณพิทยา ว่างจิตเจริญ เกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้แนวคิด BCG Model โดยสำนักงานเกษตรอำเภอแม่ริมและสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมขับเคลื่อนกับหน่วยงานภาคี เพื่อบูรณาการเชิงพื้นที่ให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรปลอดภัย เพิ่มมูลค่าสินค้า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนแก่ชุมชน

คุณพิทยา ว่างจิตเจริญ เกษตรกรรุ่นใหม่และเจ้าของสวนส้มยอดดอย

เดิมครอบครัวประกอบอาชีพรับจ้างแรงงานเกษตร ดำรงชีพด้วยการปลูกข้าวไร่ ปลูกข้าวโพดเพื่อเลี้ยงสัตว์ และปลูกผักพื้นบ้านเพื่อบริโภคและจำหน่ายเป็นรายได้เสริม มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ได้ซื้อที่ดินเป็นของครอบครัว จำนวน 30 ไร่ และเปลี่ยนมาปลูกผักเพื่อการค้าและยังชีพ ภายหลังรายได้ไม่แน่นอนเนื่องจากภาวะการตลาดในช่วงนั้น ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและราคาไม่แน่นอน ทำให้บางปีได้กำไรสูง บางปีขาดทุน จนต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินในหมู่บ้าน ทำให้เป็นหนี้พอกพูนขึ้น ต้องส่งสินค้าเกษตรเองไปที่ตลาดใหญ่ในพื้นที่ภาคกลางเพื่อให้ได้ราคาสูงโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง แต่ก็ต้องประสบปัญหาผู้รับซื้อไม่แน่นอน และถูกกดราคาในที่สุดต้องขาดทุนต่อเนื่อง ในปี 2553 จึงเปลี่ยนแนวทางในการทำการเกษตร หันมาปลูกส้มเขียวหวานพันธุ์สายน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นไม้ผลที่มีความเหมาะสมกับภูมิประเทศและภูมิอากาศของหมู่บ้าน

เนื่องจากส้ม เป็นไม้ผลเขตกึ่งร้อน (Sub-tropical fruits) คือไม้ผลที่ต้องการอากาศเย็นแห้งในการยับยั้งการเจริญเติบโตทางกิ่งใบ และกระตุ้นออกดอก ต้องการอากาศอบอุ่นชื้นในการติดผล ทำให้มีการเจริญเติบโตดี ได้ผลผลิตเร็ว เริ่มให้ผลผลิตภายในระยะเวลา 3 ปี และเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้ส้มเขียวหวานมีราคาสูงและใกล้แหล่งจำหน่ายเพียง 45 กิโลเมตร จากตัวเมือง ในช่วงรอต้นส้มเขียวหวานเจริญเติบโตก่อนผลผลิตออก ยังคงปลูกผักเป็นพืชที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง ในปี 2556 ผลผลิตส้มเขียวหวานเริ่มออกสู่ตลาดและมีราคาสูง เป็นปีทองของการผลผลิตส้มเขียวหวานทางภาคเหนือ

กรมส่งเสริมการเกษตรและคณะ เยี่ยมชมสวนและให้คำแนะนำ

ต่อมา ปี 2563 สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบ ตลาดที่เคยส่งผลผลิตปิด ล้งที่เคยเปิดรับซื้อทุกที่ก็ปิดตัวลงเช่นกัน ผลผลิตไม่มีที่จำหน่าย ต้องนำไปแจกจ่ายในชุมชนและชุมชนใกล้เคียง ที่ค้างในสวนต้องปล่อยทิ้ง ในปีต่อมา จึงวางแผนและเปลี่ยนวิธีการจำหน่ายผลผลิตแนวใหม่ ทำอย่างไรถึงจะให้สวนส้มเขียวหวานกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเที่ยวได้ จึงเริ่มศึกษาค้นคว้าการท่องเที่ยวเชิงเกษตร การตลาดออนไลน์ การประชาสัมพันธ์ และการสร้างเครือข่ายทุกมิติ เพื่อให้สวนพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ได้ควบคู่ไปกับม่อนแจ่ม ซึ่งสวนส้มเขียวหวานอยู่ด้านหลังของแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอแม่ริม ได้แก่ ม่อนแจ่ม สวนพฤกษศาสตร์ Flying wings zipline น้ำตกแม่สา ปางช้างแม่ริม โครงการหลวงหนองหอย น้ำตกตาดหมอก ปางช้างแม่สา ตลอดจนรีสอร์ตต่างๆ อีกมากมาย แต่ไม่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเท่าที่ควร เป็นโจทย์หลักที่สำคัญ ทั้งการคมนาคมไม่สะดวก ถนนหนทางค่อนข้างลำบาก

จากการศึกษาค้นคว้าและเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ ที่เปิดหลักสูตรอบรมต้องเสียค่าเข้ารับการฝึกอบรมที่สูง ระยะทางไกล ค่าเดินทาง และค่าที่พัก จำเป็นต้องไปเพื่อนำความรู้และข้อมูลมาวิเคราะห์ สร้างความมั่นใจมากยิ่งขึ้น จึงเริ่มเปิดตัวสวนส้มเขียวหวาน ชื่อว่า “สวนส้มยอดดอย” ขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2564 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เป็นช่วงที่การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) รุนแรงไปทั่วโลก เป็นโรคอุบัติใหม่มีความรุนแรงและน่ากลัว ทำให้ประชากรทั่วโลกเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่กลับได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ทำให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นกอบเป็นกำ ทั้งยังเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานทั้งทางภาครัฐ เอกชน และชุมชน ให้ความสนใจ

คุณรัชนีวรรณ์ เป็งพรหม เกษตรอำเภอแม่ริม

เจ้าของสวนได้กลายมาเป็นเกษตรกรต้นแบบผลิตส้มเขียวหวานปลอดภัย เปิดสวนส้มเขียวหวานต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ พร้อมต่อยอดผลิตภัณฑ์ ภายใต้ BCG MODEL ตามนโยบายกรมส่งเสริมการเกษตร ด้วยการเพิ่มมูลค่าสินค้าและการบริการการท่องเที่ยว สร้างรายได้ การแปรรูปส้มเขียวหวานเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย การจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรภายในสวนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวและเก็บค่าบริการเข้าชมสวน

มาตรฐานการผลิตส้มเขียวหวานของสวน ได้รับรองมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรถูกต้องและเหมาะสม (GAP) ของกรมวิชาการเกษตร สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค นอกจากนี้ ผลผลิตยังเก็บผลผลิตที่สุกแก่เต็มที่ทำให้มีรสชาติดีกว่าส้มเขียวหวานทั่วไป ทั้งยังปลอดภัยแก่ผู้บริโภค ผู้ผลิตและสิ่งแวดล้อม ตามหลักเกณฑ์ข้อกำหนดตามมาตรฐาน GAP จำหน่ายผลผลิตด้วยการเก็บผลส้มเขียวหวานในสวน และจำหน่ายผลผลิตบรรจุกล่องขนาดต่างๆ ทั้งที่สวนและทางออนไลน์ นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับมาตรฐาน SHA ซึ่งกำหนดขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อนักท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ความสำคัญมาก หากสถานประกอบการไม่มีมาตรฐานดังกล่าว จะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการ ภายหลังได้มีมาตรการผ่อนคลายลง ยิ่งทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาจากทุกภาคของประเทศมากยิ่งขึ้น

เมื่อถึงฤดูหลังเก็บผลผลิตส้มเขียวหวานมีการตัดแต่งกิ่ง บำรุงต้น ส่วนผลส้มที่ติดมากับกิ่ง นำไปทำชาร์โคลและแปรรูป ใบนำไปทำปุ๋ยหมักเพื่อนำกลับมาใช้ภายในสวน มีการใช้สารชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดโรคและแมลง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภค ทั้งยังรักษาระบบนิเวศภายในสวน เป็นการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน ก่อเกิดความอย่างยั่งยืน ทั้งด้านรายได้ สุขภาพ และอาชีพของคนในชุมชน สวนมีการพัฒนาอย่างเป็นลำดับจากวิถีเกษตรกรสวนส้มเขียวหวานสู่การท่องเที่ยวเชิงเกษตร กลายเป็นศูนย์เรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตรปลอดภัย (Smart & Green) ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานบูรณาการ ได้แก่ ศูนย์ส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านอารักขาพืช ได้จัดทำแปลงทดสอบการใช้สารชีวภัณฑ์ทดแทนการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชในผลิตส้มปลอดภัย สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานเกษตรอำเภอแม่ริม สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ธนาคารออมสิน เทศบาลตำบลแม่แรม เป็นต้น

ฐานการเรียนรู้ภายในศูนย์เรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตรปลอดภัย (Smart & Green) เพื่อให้ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมสวนได้เข้าร่วมเรียนรู้จากฐานเรียนรู้ภายในสวน ดังนี้

ฐานเรียนรู้ที่ 1 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์

ฐานเรียนรู้ที่ 2 การผลิตส้มปลอดภัย

ฐานเรียนรู้ที่ 3 การผลิตขยายสารชีวภัณฑ์

ฐานเรียนรู้ที่ 4 Zero waste

ฐานเรียนรู้ที่ 5 ผลิตปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยน้ำหมัก

ฐานเรียนรู้ที่ 6 Café และการบริการ

ส้มที่ได้จากการเผาเป็นชาร์โคล
กาแฟส้มที่มีบริการในสวน

จุดเด่นของสวน

เป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีเกษตรกรชาวสวนส้ม ผสมกับให้บริการเยี่ยมชม มีจุดถ่ายภาพที่จัดเพื่อการถ่ายภาพและทิวทัศน์สวยโดยเฉพาะ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทุกช่วงวัยจนโด่งดังในโลกโซเชียล ดึงดูดใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งยังบอกปากต่อปาก การบริการเก็บผลผลิตและชิมได้อย่างมั่นใจในความปลอดภัย ถึงแม้ผิวผลจะไม่สวยเหมือนทั่วไป แต่รสชาติหวานอมเปรี้ยว มีลักษณะตรงตามพันธุ์ ทั้งยังเก็บผลส้มเขียวหวานในช่วงสุกแก่เต็มที่ รสชาติจึงถูกใจนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคถ้าได้ชิมเป็นต้องซื้อทุกราย สามารถสั่งซื้อผลผลิตทางออนไลน์ได้ บริการส่งรวดเร็วภายใน 1-2 วันเท่านั้น ทำให้ผลผลิตสดถึงมือผู้บริโภคได้รวดเร็ว ที่สำคัญไม่มีการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชใดๆ เลยในช่วงฤดูการท่องเที่ยว ระหว่างเดือนตุลาคม-กุมภาพันธุ์ของปีถัดไป ทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวแล้วต้องกลับมาอีกและบอกต่อถึงความสวยงามของทิวทัศน์และบรรยากาศในช่วงฤดูหนาว ทั้งยังได้เก็บและชิมส้มเขียวหวานสดๆ ที่สุกฉ่ำ จนต้องหิ้วกลับบ้านไปฝากคนที่รักทุกราย ตลอดจนบริการอื่นๆ ของสวนส้มยอดดอยประทับใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง

ต้นทุนการผลิตส้มเขียวหวาน 47,000 บาทต่อไร่ ผลผลิตส้มเขียวหวาน เฉลี่ย 4,000 กิโลกรัมต่อไร่ ราคาขายผลผลิตต่อกิโลกรัม แยกตามเกรด ดังนี้ เกรด A ราคา 80 บาท เกรด B ราคา 60 บาท เกรด C ราคา 40 บาท ตกเกรด ราคา 25-35 บาท รายได้จากการจำหน่ายผลผลิต การแปรรูป และการจำหน่ายออนไลน์ ประมาณ 200,000 บาทต่อไร่ ต้นทุนในกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตร 200,000 บาทต่อปี รายได้กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตร (รายได้จากค่าชมสวน) 500,000 บาทต่อปี อัตราส่วนการช่องทางการจำหน่ายผลผลิต จำหน่ายที่สวนร้อยละ 60 จำหน่ายทางออนไลน์ร้อยละ 35 จำหน่ายแปรรูป (น้ำส้มคั้น) ร้อยละ 5

สนใจอยากเที่ยวชมสวน หรืออุดหนุนผลิตภัณฑ์ ติดต่อสวนส้มยอดดอย เลขที่ 119 หมู่ที่ 4 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ 50180 โทรศัพท์ 081-180-0516