เผยแพร่ |
---|
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงโปรดดอกไม้ไทยและสนพระราชหฤทัยในการส่งเสริมดอกไม้ให้มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม และดิ เอ็มควอเทียร์ จึงจัดทริปชมแปลงไม้ดอก “กระเจียว ปทุมมา” ซึ่งปัจจุบันสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย และเป็นดอกไม้เศรษฐกิจส่งออกเป็นลำดับที่ 2 รองจากกล้วยไม้ ณ จ.เชียงใหม่
รศ.โสระยา ร่วมรังษี ผู้อำนวยการศูนย์บริการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เล่าว่า จากสายพระเนตรอันยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่มีพระราชดำริให้ทดลองปลูกไม้ดอกเมืองหนาวของต่างประเทศ นำมาสู่การศึกษาและพัฒนาพันธุ์ไม้ดอกจนเป็นศูนย์นี้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาเราได้พัฒนาสายพันธุ์ไม้ดอกเมืองหนาวให้สามารถปลูกทนแดดทนร้อนในไทยได้ อาทิ แกลดิโอลัส ต่อมาได้พัฒนาสายพันธุ์ไม้ดอกไทยให้มีความสวยงามและแข็งแรงยิ่งขึ้น อย่างดอกกระเจียวและปทุมมา ที่เดิมถูกมองเป็นดอกไม้ไหว้พระ เราก็มาคิดว่าจะทำอย่างไรให้สามารถใช้ได้ในทุกโอกาส ลดการนำเข้าดอกไม้จากต่างประเทศที่มีมูลค่าถึง 500 ล้านบาทต่อปี เพื่อมาสร้างโอกาสสร้างรายได้ให้เกษตรกรภายในประเทศ จนสามารถพัฒนาและรวบรวมกระเจียวได้เป็น 9 สายพันธุ์ในชุด ‘รอยัล ไทย‘ (Royal Thai)
หลายคนเข้าใจว่าดอกกระเจียวต้องอยู่ที่ จ.ชัยภูมิ รศ.โสระยาเล่าว่า ใช่ แต่นั่นคือดอกกระเจียวป่าที่มีลักษณะกลีบประดับและดอกเล็ก บิดเบี้ยวกว่า ตัดดอกออกมาวันเดียวก็เหี่ยวแล้ว ต่างจากกระเจียวชุดรอยัล ไทยที่มีกลีบประดับยาว ดอกใหญ่ และอยู่ได้นานกว่าเมื่อตัดดอก ขณะนี้เป็นที่นิยมจากสหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง ยุโรป และญี่ปุ่น ทั้งนี้ ในสายสกุลเดียวกันของกระเจียวคือ ปทุมมา แตกต่างกันตรงช่อสั้น มีดอกสีขาวปากม่วง และอยู่ได้นานกว่ากระเจียวรอยัลไทยเมื่อตัดดอก ได้รับความนิยมจากต่างประเทศมากเช่นกัน ปัจจุบันเป็นไม้ดอกที่ส่งออกลำดับที่ 2 ทั้งนี้ นอกจากตัดดอกขาย เรายังสามารถเพาะพันธุ์หัวส่งออกไปขายได้อีกด้วย อย่างเนเธอร์แลนด์กับสหรัฐที่สั่งซื้อหัวพันธุ์เราไปปลูกจำนวนมาก สร้างรายได้ให้เกษตรกรชาวไทย
“ทุกที่ชมว่าดอกไม้ไทยสวยงามมาก ทนทาน ดูแลง่าย คิดว่าหากเราตั้งแต่หน่วยงานองค์กรต่างๆ ตลอดจนคนไทยมาร่วมกันส่งเสริมจริงๆ ดอกไม้ไทยจะเป็นที่รู้จักและใช้อย่างแพร่หลายในประเทศ เหมือนที่ต่างประเทศกำลังนิยมดอกไม้ไทยในขณะนี้ อย่างไรก็ดี ศูนย์ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เปิดหลักสูตรอบรมการปลูกไม้ดอก เรียนฟรี อีกทั้งยังสนับสนุนอุปกรณ์ปลูกและต้นกล้าให้อีกด้วย” รศ.โสระยากล่าว
ขณะที่ นางพรทิพย์ อัษฎาธร กรรมการผู้จัดการ อุทยานไม้ดอก เพ ลา เพลิน จ.บุรีรัมย์ ธุรกิจจัดแสดงไม้ดอกและส่งออก กล่าวยืนยันเช่นกันว่า ฝรั่งบอกว่ากระเจียวและปทุมมากำลังฮิตกันมากในต่างประเทศ เพราะสวย อยู่ทน และราคาถูกกว่าทิวลิป โดยเฉพาะตอนนี้ดอกกระเจียวที่เขาเริ่มรู้จักและได้รับความนิยมมากขึ้น จนสวนที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ต้องสั่งหัวพันธุ์ที่เพาะพันธุ์จากเชียงใหม่และพะเยาไปปลูก ฉะนั้นก็อยากให้คนไทยรู้จักและนำกระเจียวไปใช้ประโยชน์
ด้าน นางกุญช์ชญา สวัสดี อายุ 49 ปี เจ้าของสวนกระเจียว ปทุมมา พื้นที่ 50 ไร่ ใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เล่าว่า แต่ก่อนปลูกไม้ดอกพวกเบญจมาศ แกลดิโอลัส ลิลลี่ แต่ราคาไม่ดี ภายหลังเข้าไปเรียนรู้และรับแจกหัวพันธุ์จากศูนย์ จึงเปลี่ยนมาปลูกปทุมมา ซึ่งขายได้ทั้งดอกและหัวพันธุ์ ทำให้ตนมีรายได้ดีกว่าเดิมมาก อย่างตอนนี้ปลูก 50 ไร่ สามารถเก็บดอกปทุมมาได้วันละ 1-2 หมื่นดอก ขายในฤดูกาลได้ดอกละ 2-3 บาท หัวพันธุ์ขายได้ 4-5 บาท ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ แม้จะผ่านพ่อค้าคนกลางอีกทีก็มีรายได้ต่อปีรวมหลายล้านบาท ขณะที่ช่วงนี้เริ่มลงกระเจียวเพิ่ม ซึ่งให้ผลตอบแทนมากกว่าปทุมมาถึง 3 เท่าตัว
นางลัดดา ชัยอาภัย อายุ 69 ปี ประธานกลุ่มปลูกดอกกระเจียว อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ กล่าวด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ หลังมีรายได้เสริมปีละหลายหมื่นบาทจากการปลูกไม้ดอกที่ศูนย์ส่งเสริมและส่งผ้าทอมือขายมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯว่า ดีใจที่ได้อยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ ที่พระราชทานโครงการดีๆ ทำให้ประชาชนมีโอกาสมีรายได้ แม้วันนี้ตนจะไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร แต่ก็สามารถส่งลูกเรียนสูงๆ ได้ ชีวิตตัวเองก็อยู่สบายตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตนจึงตั้งปณิธานจะทำความดี นำองค์ความรู้ที่มีแบ่งปันให้เพื่อนเกษตรกรคนอื่นๆ ต่อไป
ชมความงามดอกกระเจียว ปทุมมา ที่ยกสวนกว่า 2 แสนต้นมาจัดแสดงภายในงาน “ปทุมมาราชินีป่าฝน” ระหว่างวันที่ 9-14 สิงหาคม ณ ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม
ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน