พาณิชย์โหมแพ็กเกจช่วยชาวนา หวั่นราคาข้าวตก ให้สินเชื่อชะลอการขายข้าว

น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ดูแลราคาสินค้าเกษตรอย่างต่อเนื่อง สร้างมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งได้จัดทำแผนงานดูแลสินค้าเกษตรสำคัญ โดยมีการเตรียมความพร้อมรับมือผลผลิตทางการเกษตรที่จะออกสู่ตลาดทั้งข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา

บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์

สำหรับข้าวซึ่งกำลังจะออกสู่ตลาดในเดือนพ.ย.นี้ มีผลผลิตในปี 2560/61 ประมาณ 28.81 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อน 9.88% ราคาข้าวเปลือกเฉลี่ย ณ วันที่ 2 พ.ย. 2560 ข้าวหอมมะลิอยู่ที่ 12,900 บาท ข้าวเหนียว 10% เมล็ดยาว 9,150 บาท ข้าวเจ้า 5% ราคา 7,550 บาท ข้าวปทุมธานี 8,900 บาท โดยข้าวหอมมะลิและข้าวปทุมธานี มีราคาปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วนราคาข้าวชนิดอื่นที่ปรับตัวลดลงเล็กน้อย อาทิ ข้าวเหนียว เนื่องจากยังมีสต็อกข้าวของปีก่อนอยู่มาก

กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำหนดแนวทางและมาตรการด้านการตลาดช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2560/61 เพื่อดูดซับผลผลิตส่วนเกินในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากซึ่งจะช่วยให้ระดับราคาข้าวเปลือกให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เช่น จัดทำแอพพลิเคชั่น (Application) จองรถเกี่ยวร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ (องค์กรมหาชน) หรือ GISTDA เพื่อจัดหารถเกี่ยวให้เกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตออกมามาก ช่วยให้ชาวนาเกี่ยวข้าวได้ครบอายุตามพันธุ์ ได้ข้าวคุณภาพดีขายได้ราคาดี

ให้สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ให้เก็บข้าวเปลือกเข้ายุ้งฉางรอราคาดีแล้วค่อยขายเพื่อไม่ให้ราคาลดลง และค่าฝากเก็บ 1,500 บาท/ตัน ช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ให้เกษตรกรไร่ละ 1,200 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ หรือ ไม่เกิน 12,000 บาท/ครัวเรือน ให้สินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมหรือแปรรูปข้าวเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในอัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 ให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก

นอกจากนั้นยังกำหนดจัดตลาดนัดข้าวเปลือกให้เกษตรกรมีทางเลือกในการขาย ในช่วง 1 ต.ค. 60 – 30 ก.ย. 61 โดยดูแลเกษตรกรให้ความเป็นธรรมด้านราคาและการหักลดน้ำหนักจากการวัดความชื้น

สำหรับการส่งเสริมข้าวอินทรีย์ กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการเชื่อมโยงการตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP สนับสนุนค่าตรวจรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ จัดสรรโควตาส่งออกข้าวไปสหภาพยุโรป (EU) และให้ความช่วยเหลือด้านการเงินให้เกษตรกร