อุทธรณ์ตลาดข้าวสารไร้ผล ยืนตลาดไท-ตะวันนาชนะคู่

พาณิชย์อุทธรณ์ยืนตามผลคัดเลือกเดิมให้ “ตลาดไท-ตะวันนา” ชนะตลาดกลางข้าวสารคู่ จับตาตลาดไทเตรียมยื่นศาลปกครอง ขอระงับผลพิจารณา

 

หลังจากที่ บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด หรือตลาดไท ได้ยื่นอุทธรณ์ถึงกระทรวงพาณิชย์ ถึงผลการพิจารณาจัดตั้งตลาดกลางข้าวสารแห่งแรกในประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 เนื่องจากไม่เห็นด้วยที่กระทรวงพาณิชย์คัดเลือกให้ตลาดไท และบริษัท ตะวันนา ไนท์บาซาร์ จำกัด (ตลาดตะวันนา) ดำเนินการก่อตั้งตลาดกลางข้าวสารแห่งแรกของประเทศไทยพร้อมกันทั้ง 2 ราย นั้น

ล่าสุดผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2561 กระทรวงพาณิชย์ได้มีหนังสือลงนามโดย นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้มีอำนาจพิจารณาคำอุทธรณ์ แจ้งถึงกรรมการบริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด หรือตลาดไท ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ 1 ใน 2 ราย ชนะการคัดเลือกให้จัดตั้งตลาดกลางข้าวสารแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อยืนยันผลการพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ประกอบการทั้ง 2 บริษัท มีศักยภาพในการจัดทำตลาดกลางข้าวสารเช่นเดียวกัน จึงได้ยืนยันผลการพิจารณาไว้ 2 ราย ตามเดิม

โดยให้เหตุผลว่ากระทรวงได้พิจารณาคุณสมบัติของ บริษัท ตะวันนา ไนท์บาซาร์ จำกัด ตามหลักเกณฑ์การส่งเสริมการจัดตั้งตลาดกลางข้าวสารสู่มาตรฐานสากล ในข้อเรื่องเงื่อนไขภาคเอกชนในการเป็นผู้ดำเนินการตลาดกลางข้าวสาร กำหนดให้ต้องเป็นผู้สมัครที่มีประสบการณ์ และศักยภาพในการบริหารงานและดำเนินธุรกิจเป็นที่ยอมรับไม่น้อยกว่า 10 ปี ซึ่งทางตลาดตะวันนาฯ มีการประกอบธุรกิจมานานกว่า 10 ปี

ประเด็นที่ 2 คือ ข้อโต้แย้งว่าการให้ชนะทั้ง 2 ราย จะเป็นภาระด้านงบประมาณและการดูแลของภาครัฐจะดำเนินการได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าการพิจารณาให้ 2 ราย ย่อมจะเกิดประโยชน์กับผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการข้าวทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ โรงสี ผู้ค้าข้าว และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวรวมถึงประชาชนทั่วไป เพราะการมีตลาด 2 แห่ง จะทำให้เกิดการแข่งขันในการบริหารจัดการ และการให้บริการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนากลไกตลาดข้าวสารของประเทศในภาพรวม

ทั้งยังไม่เป็นภาระต่องบประมาณ เพราะทั้ง 2 ราย ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ และขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐ เฉพาะในส่วนของการประชาสัมพันธ์ การเชื่อมโยงตลาด และการอบรมให้ความรู้เท่านั้น ทำให้ภาครัฐลดภาระในเรื่องงบประมาณรายจ่าย และสามารถให้การดูแลและส่งเสริมตลาดกลางข้าวสารได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน

แหล่งข่าวจากตลาดไทเปิดเผยว่า ตลาดไทไม่เห็นด้วยกับผลการอุทธรณ์ครั้งนี้ จึงเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ภายใน 90 วัน เพื่อขอให้ระงับผลการพิจารณาดังกล่าว

“ตลาดไทยืนยันว่า มีประสบการณ์ด้านการค้าสินค้าเกษตรมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี และการที่กระทรวงพาณิชย์ให้ทำตลาดกลางข้าวสารพร้อมกัน อาจทำเกิดความสับสนต่อเกษตรกร และเกิดปัญหาการตัดราคากันเอง ซึ่งจะไม่ส่งผลดีกับราคาข้าว อีกทั้งตลาดไทได้จัดทำโปรโมชั่นโดยการ ‘ไม่เก็บค่าเช่า’ มีเพียงค่าธรรมเนียม 1-2% ของยอดขาย ถือเป็นการเตรียมการหลังจากที่ทราบผลการพิจารณาครั้งแรกเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2560 แต่ต่อมาในช่วงเดือนกันยายนกลับให้เจรจาต่อรองอีกครั้ง ซึ่งจากการสอบถามไม่ทราบข้อเสนอที่แน่ชัดว่าอีกฝ่ายให้ข้อเสนออะไรจึงชนะเหมือนกัน” แหล่งข่าวกล่าว

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์