ที่ดินพุ่ง “ทุเรียนนนท์” ส่อสูญพันธุ์ ดันบ้านจัดสรรปลูกแทน

จังหวัดนนทบุรี ดันมาตรการส่งเสริมเกษตรกรปลูกทุเรียนทุกรูปแบบ เหตุพื้นที่ปลูกลด หลังที่ดินพุ่งสูง ไร่ละ 30-40 ล้านบาท ล่อใจขายสวนทิ้ง

นายสมนึก ศรีเที่ยงตรง เกษตรจังหวัดนนทบุรี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปีนี้ทุเรียนนนท์มีผลผลิต 900 ลูก เท่านั้น มากกว่าปีที่ผ่านมาที่มีเพียง 500 ลูก โดยทุเรียนนนท์ปลูกอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน 1 ไร่ มี 25 ต้น ตัดเหลือ 5 ลูก ต่อต้น มากที่สุดประมาณ 8 ลูก ต่อต้น คุณภาพจึงสม่ำเสมอทุกลูก ราคาพันธุ์ก้านยาว ลูกละ 15,000 บาท น้ำหนัก 2 กิโลกรัม ขึ้นไป แต่ราคาเฉลี่ยทุกสายพันธุ์ต่ำสุด 5,000-8,000 บาท/ลูก และสูงสุดอยู่ที่ 25,000 บาท/ลูก น้ำหนัก 4 กิโลกรัม ขึ้นไป และในปัจจุบันทุเรียนนนท์ได้ทั้งมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) และสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จุดเด่น คือ เนื้อละเอียด กลิ่นไม่รุนแรงมาก เมื่อรับประทานจะรู้สึกหวาน มัน ละมุนลิ้น

โดยเกษตรจังหวัดมีมาตรการส่งเสริมการปลูก เช่น สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกร เช่น

  1. การจัดงานมหกรรมทุเรียน “Nonthaburi The King of Durain” ทำการประชาสัมพันธ์ ทำให้ราคาทุเรียนสูง ดีกว่าขายที่ดิน ซึ่งราคาสูงถึงไร่ละ 30-40 ล้านบาท ราคาในสวนมากกว่า 10 ล้านบาท

2. ช่วยดูแลด้านวิชาการ โรคแมลง ศัตรูพืชต่างๆ ให้องค์ความรู้แก่ชาวสวน และ

3. ส่งเสริมให้เป็นพืชเอกลักษณ์ มี “โครงการบ้านละต้น ตำบลละร้อย” ตั้งแต่ ปี 2560 เพื่ออนุรักษ์ส่งเสริมพื้นที่สีเขียว นำทุเรียนกลับเข้าไปในหมู่บ้านจัดสรร แต่พื้นที่ปลูกหลักคือ อ.เมือง บางกรวย ปากเกร็ด บางใหญ่ ที่ดินมีคุณภาพดี ทำให้ทุเรียนนนท์มีรสชาติดีที่สุดในโลก


หลังน้ำท่วม ปี 2554 ทางจังหวัดนนทบุรี สำนักงานเกษตรกรจังหวัด ได้เร่งฟื้นฟูพื้นที่ปลูกทุเรียนของเกษตรกร ประมาณ 800 กว่าราย จากกว่า 3,000 ไร่ ที่ถูกน้ำท่วมให้กลับมาได้ ประมาณ 2,800 ไร่ และในปัจจุบันเริ่มให้ผลผลิตบ้างแล้ว โดยมีพันธุ์หมอนทอง ก้านยาว และพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมของนนทบุรี เช่น กบชายน้ำ กระดุม กบแม่เฒ่า สาวน้อย เป็นต้น โดยพันธุ์ก้านยาวมีสัดส่วนประมาณ 20% เพราะทุกบ้านปลูกก้านยาวไว้ในบ้านและสวน ซึ่งทุเรียนเมืองนนท์ไม่มีวางขายทั่วไป ไม่ส่งออกไปต่างประเทศหรือขายให้อาลีบาบา ต้องซื้อที่สวนและสั่งจองเท่านั้น และมีเปิดสวนให้ทัวร์จีนและอเมริกาเข้ามาบ้าง

นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยว่า ปัญหาการปลูกทุเรียนนนท์ลดน้อยลงมากจากหลายปัจจัย และจังหวัดนนทบุรีถือเป็นพื้นที่อยู่อาศัยเขตปริมณฑลกรุงเทพฯ ทำให้ที่ดินมีราคาแพง ชาวบ้านเลิกปลูกทุเรียนเป็นจำนวนมาก แต่สวนทุเรียนยังคงเอกลักษณ์อยู่ แม้ว่าทุเรียนสามารถปลูกได้ทั่วประเทศไทย แต่ทุเรียนนนท์มีความแตกต่างกว่าที่อื่น

“ทุเรียนในจังหวัดนนทบุรี มีความแตกต่างกว่าที่อื่น คือ 1) ปลูกในร่องสวน มีน้ำหลากจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา มีความอุดมสมบูรณ์ 2) ชาวสวนทุเรียนนิยมปลูกต้นทองหลางเป็นพืชเคียงให้ร่มเงาต้นทุเรียน เมื่อใบร่วงจะกลายเป็นสารอาหารชั้นดี ทำให้รสชาติมีเอกลักษณ์ ทั้งสีผิว หนาม เนื้อ และรสชาติ จึงเป็นสุดยอดทุเรียน โดยเฉพาะก้านยาวถือเป็นราชาทุเรียน และ 3) การจด GI ทำให้ราคาสูงขึ้นมาก ในปีนี้มีเพียง 900 ลูก จาก 22 สวน ที่ขึ้นทะเบียนไว้”

อย่างไรก็ตาม นนทบุรี เป็นเมืองที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ที่ดินของเกษตรกรจำนวนไม่น้อยได้ถูกเปลี่ยนสภาพไปเป็นบ้านจัดสรรหรือสถานที่ประกอบพาณิชยกรรมต่างๆ ในขณะเดียวกันทายาทของเกษตรกรได้เปลี่ยนอาชีพไป ดังนั้น คนปลูกทุเรียนในขณะนี้คือ ผู้สูงอายุ แต่มีความเต็มใจ มีความมุ่งมั่นในการรักษาเอกลักษณ์เหล่านี้ไว้

อนึ่ง ในการประมูลทุเรียน 9 ลูก ในงานมหกรรมทุเรียน Nonthaburi The King of Durain มียอดประมูลสูงสุดที่ 800,000 บาท/ลูก มีรายได้ทั้งหมด 2,890,000 บาท นำไปบริจาคการกุศล

 

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์