ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
รายงานข่าวจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเฉิงตู ได้รายงานถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมนมในประเทศจีน หลังจากจีนมีปัญหานมผงเลี้ยงเด็กที่มีส่วนผสมของเมลามีนเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน โดยพบว่าปัจจุบันอุตสาหกรรมนมได้กลับมาฟื้นตัว หลังจากที่รัฐบาลจีนได้เข้าไปควบคุมดูแลในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้า ทำให้ความต้องการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในรายงานระบุอีกว่า ผลจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้การบริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมของผู้บริโภคชาวจีนขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ผู้บริโภคชาวจีนก็ยังมีความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์นมในประเทศค่อนข้างต่ำ แม้ว่ารัฐบาลจะมีการเข้าไปควบคุมคุณภาพการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำแล้วก็ตาม โดยผู้บริโภคชาวจีนมักจะนิยมและให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์นมที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐาน
“ผู้ส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นมของไทย ทั้งที่เป็นโรงงานผู้ผลิต สหกรณ์นิคมฯ หรือ กลุ่มเอสเอ็มอีรายย่อยในภูมิภาค ควรใช้โอกาสที่ตลาดนมในจีนฟื้นตัว ทำการส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นมของไทยเจาะเข้าสู่ตลาดจีน เพราะสินค้าไทยมีคุณภาพและมาตรฐานในระดับสากล เป็นที่ยอมรับในตลาดจีนอยู่แล้ว โดยควรที่จะเน้นการประชาสัมพันธ์และสร้างการยอมรับให้เพิ่มขึ้น และควรมุ่งเจาะตลาดกลุ่มผู้บริโภคเฉพาะ เช่น ตลาดชาวมุสลิม ที่อยู่อาศัยในจีนเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นกลุ่มตลาดใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูง แต่สินค้าจะต้องได้รับตราฮาลาลด้วย”
รายงานระบุต่ออีกว่า สำหรับการขยายตลาดนมในจีน ผู้ส่งออกควรศึกษาและใช้ประโยชน์จากการที่จีนปรับลดภาษีนำเข้าภายใต้กรอบอาเซียน-จีน ที่ได้มีการลดภาษีนำเข้าจากไทยเหลือ 0% แล้ว ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยมีความได้เปรียบและสามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆ ได้ดีขึ้น
โดยในปี 2017 จีนมีการผลิตนมได้ปริมาณรวม 30.55 ล้านตัน และผลิตภัณฑ์นมปริมาณ 29.35 ล้านตัน เป็นประเทศที่มีผลผลิตมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากอินเดียและสหรัฐฯ และจากการสุ่มตัวอย่างของสำนักงานมาตรฐานความปลอดภัยสินค้า ได้พบว่า สินค้าผ่านเกณฑ์ของจีนได้มาตรฐานแล้วกว่า 99.8% รวมทั้งมีการห้ามใช้สารเมลามีนและสารต้องห้ามตัวอื่นๆ เพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยของนมตามมาตรฐานสากลและประเทศที่พัฒนาแล้ว