ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปลูกง่าย ตลาดต้องการมาก

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์ ซีพี801 ฝักใหญ่ ยืนต้นดี ปลูกถี่ได้

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ประมาณ 94 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตข้าวโพดใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของไทย ทุกวันนี้ประเทศไทยมีความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นทุกปี แต่ผลิตได้น้อย บางปีจึงต้องนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เข้ามาใช้ในประเทศ

ปัจจุบัน เกษตรกรส่วนใหญ่นิยมปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์ลูกผสม ที่มีลักษณะทางการเกษตรสม่ำเสมอ ได้แก่ ขนาดฝัก ความสูงฝัก ความสูงต้น อายุถึงวันออกไหมและเก็บเกี่ยว ที่สำคัญให้ผลผลิตและคุณภาพสูงกว่าพันธุ์ผสมเปิด จึงเป็นที่ต้องการของตลาด แต่ไม่สามารถเก็บเมล็ดไว้ทำพันธุ์ได้

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พันธุ์ ซีพี 301 ต้นเตี้ย เก็บเกี่ยวไว ขายฝักสด

สำหรับเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์ลูกผสมที่จำหน่ายในท้องตลาด มักให้ผลผลิตสูง มีอายุเก็บเกี่ยว 100-120 วัน พื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กระจายอยู่ทั่วประเทศ อาทิ จังหวัดนครสวรรค์ สระบุรี ลพบุรี นครราชสีมา เลย เพชรบูรณ์ สุโขทัย กำแพงเพชร เป็นต้น

ในแต่ละปีการผลิตเกษตรกรจะเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 2 ครั้ง ข้าวโพดรุ่นแรก เริ่มปลูกในช่วงฤดูฝน ประมาณช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน และเก็บเกี่ยวผลผลิตในเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่ยังคงมีฝนตกมาก ทำให้ผลผลิตข้าวโพดมีความชื้นสูง อันเป็นสาเหตุสาคัญที่ทำให้เกิดเชื้อรา และสารแอลฟลาท็อกซิล การเพาะปลูกข้าวโพดรุ่นสอง ปริมาณผลผลิตไม่มาก นิยมปลูกในเดือนธันวาคม และเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูแล้งปีถัดไป (มีนาคม-เมษายน)

ช่วงเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของประเทศในกลุ่มอาเซียน

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปลูกดูแลง่าย 

คุณกัณฑิมา อยู่เพ็ชร อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 10/1 ม.7 ต.ช่องสาริกา อ.ช่องสาริกา จ.ลพบุรี เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวเธอปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ จนถึงปัจจุบันยาวนานนับ 20 ปี สาเหตุที่เลือกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นรายได้หลักเลี้ยงครอบครัว เพราะแหล่งที่ดินทำกินในพื้นที่ตำบลช่องสาริกา มีสภาพเป็นที่ดอน ไม่เอื้อต่อการทำนา แต่เหมาะต่อการปลูกพืชไร่มากกว่า เธอจึงตัดสินใจปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพราะพืชไร่ชนิดนี้ปลูกดูแลง่าย

คุณกัณฑิมา อยู่เพ็ชร

เธอมีพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประมาณ 260 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของเธอเอง และที่ดินเช่า ในท้องถิ่นแห่งนี้ สามารถปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ปีละ 2 รุ่น ผลผลิตรุ่นแรกจะเริ่มปลูกประมาณช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคมของทุกปี เกษตรกรจะคอยสังเกตว่า หากฝนตกลงมาเมื่อไร ก็จะลงมือปลูกทันที ส่วนผลผลิตรุ่น 2 จะลงมือปลูกอีกครั้งในช่วงเดือนสิงหาคมเท่านั้น หากฝนมาล่าช้ากว่าปกติ เกษตรกรก็จะหันไปปลูกทานตะวันแทน

ปัจจุบัน คุณกัณฑิ มาเลือกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พันธุ์ซีพี 801 เพราะมีขนาดฝักใหญ่ ยืนต้นดี ปลูกถี่ได้ อายุเก็บเกี่ยวฝักสด ประมาณ 110 วัน หากเก็บฝักแห้งจะใช้เวลาปลูก ประมาณ 120 วัน นอกจากนี้ ยังมีลักษณะเด่นคือ ความสูงต้นปานกลาง ตำแหน่งฝักต่ำ ลำต้นแข็งแรง ระบบรากและการยืนต้นดี ให้ผลผลิตฝักดี่ยว ขนาดใหญ่แต่แกนเล็ก เมล็ดลึก เปอร์เซ็นต์การกะเทาะสูง เปลือกหุ้มฝักมิด ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,500-2,000 ก.ก./ไร่

ตลาดต้องการข้าวโพดไร่ที่มีลักษณะและคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ ความชื้นไม่เกิน 14.0%
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พันธุ์ ซีพี 801 ฝักใหญ่ ยืนต้นดี ปลูกถี่ได้

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พันธุ์ซีพี 801 เจริญเติบโตได้ดีในสภาพที่ราบ ที่เนิน สภาพดินสมบูรณ์ ปริมาณน้ำฝนปานกลาง เมื่อปลูกในระยะห่าง 70×20 ซม. หลุมละ 1 ต้น ไม่ควร 12,000 ต้น/ไร่ ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตข้าวโพดต่อไร่ให้สูงขึ้นได้ เมื่อดูแลจัดการแปลงอย่างเหมาะสม เริ่มจากช่วงรองพื้น ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เคมีหมอดิน สูตร 10-10-5 พร้อมหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด ในอัตรา 20-30 ก.ก./ไร่ เพื่อบำรุงให้ธาตุอาหารหลัก รองและเสริม สำหรับช่วยบำรุงระบบราก บำรุงลำต้นให้เติบโตเร็ว ใบเขียวนาน

ช่วงที่ทำรุ่น ใส่ปุ๋ยเคมีหมอดิน สูตร 27-12-6 ในอัตรา 30–35 ก.ก./ไร่ เพื่อช่วยบำรุงลำต้น ใบ ให้ต้นข้าวโพดมีฝักใหญ่ น้ำหนักดี เมล็ดติดเต็มฝัก สำหรับช่วงออกดอกหัว หากพบว่า ต้นข้าวโพดไม่สมบูรณ์ หรือกระทบแล้ง เกษตรกรจะได้รับคำแนะนำให้ใส่ปุ๋ยหมอดิน สูตร 46-0-0 ในอัตรา 10 ก.ก./ไร่ เพื่อช่วยให้ดอกสมบูรณ์ ติดเมล็ดดี และให้ผลผลิตสูง

คุณนงคราญ บุญอยู่

ด้าน คุณนงคราญ บุญอยู่ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 35 ม.1 ต.ชอนสารเดช อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี เปิดเผยว่า การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้ผลตอบแทนดีกว่าพืชไร่ชนิดอื่น ครอบครัวเธอจึงตัดสินใจปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาอย่างต่อเนื่อง เธอเลือกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์ซีพี 301 ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ ต้นเตี้ย เก็บเกี่ยวไว ความชื้นต่ำ เมล็ดสีสวย ขายผลผลิตได้ราคาดี ขายฝักสดได้ ในระยะ 90-95 วัน

ข้อดีของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์ซีพี 301 ที่โดนใจเกษตรกร นั่นก็คือ ต้นเตี้ย ปลูกถี่ได้ ลำต้นและระบบรากแข็งแรง ฝักเดี่ยว เมล็ดลึก ขนาดฝักสม่ำเสมอทั้งแปลง เปลือกหุ้มมิด ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,200-1,900 ก.ก./ไร่ เติบโตได้ดีในสภาพที่ราบ ที่ต่ำ สภาพดินสมบูรณ์ปานกลาง ปริมาณน้ำฝนดี ปลูกในระยะห่าง 70×20 ซม. หลุมละ 1 ต้น ไม่ควร 12,000 ต้น/ไร่