ผู้เขียน	ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา
เผยแพร่	วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2560

จากเส้นทางธุรกิจค้าขายส่งมะพร้าว ของครอบครัวเทพผดุงพร ที่ยาวนานมาถึงครึ่งศตวรรษถือเป็นรากฐานที่มั่นคง ก่อนจะมาขยายแนวรุกเพื่อผลิตสินค้าแปรรูปจากมะพร้าวแบรนด์กะทิสำเร็จรูป “ชาวเกาะ” พร้อมกับแตกไลน์ชูความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มด้วยระบบจัดการและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยการออกผลิตภัณฑ์สินค้าในกลุ่มน้ำพริกและผลไม้กระป๋อง สร้างความหลากหลายเพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

คุณเกียรติศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด กล่าวว่า ความนิยมบริโภคมะพร้าวและผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากมะพร้าวได้รับความสนใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ ทั้งนี้ มาจากเหตุผล 3 ประการ อย่างแรกที่เริ่มต้นมาจากนโยบายเชิงรุกของภาครัฐที่มุ่งสร้างแบรนด์อาหารไทย ในชื่อ “ครัวไทยสู่ครัวโลก” ส่งผลให้เกิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศมากมาย

ขณะเดียวกัน ทางภาคราชการได้มีการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น ทำให้บรรดานักท่องเที่ยวต่างได้มีโอกาสชิมอาหารไทย โดยเฉพาะเมนูอาหารที่ส่วนผสมของกะทิจนเกิดความชอบแล้วติดใจรสชาติ ครั้นเมื่อเดินทางกลับประเทศตัวเองก็ได้ไปเสาะหาอาหารไทยตามร้านในแต่ละประเทศ

หรืออีกประเด็นทางด้านสุขภาพ เกิดจากในอดีตที่เคยรับรู้ว่าการบริโภคมะพร้าวหรือกะทิจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงทำให้ผู้บริโภคเกรงกลัวรวมถึงการบริโภคเมนูอาหารที่ใช้กะทิเป็นวัตถุดิบ กระทั่งมีการเผยแพร่ข้อมูลทางโภชนาการถึงประโยชน์ของมะพร้าวว่าแท้จริงแล้วมะพร้าวจะช่วยลดคอเลสเตอรอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นจะช่วยเร่งปฏิกิริยาการเผาผลาญในร่างกายซึ่งจะช่วยไม่ให้มีการสะสมไขมันด้วยซ้ำไป

“จากเหตุผลนี้จึงทำให้กะทิที่เป็นส่วนหนึ่งของมะพร้าวได้รับความสนใจมาก ทั้งนี้ ในปัจจุบันได้ทำเป็นผลิตภัณฑ์กะทิดื่มที่ทางตลาดจีนมีความสนใจมาก นอกจากนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้น้ำมะพร้าวสดได้รับความนิยมมาก มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องในเวลาที่รวดเร็ว เพราะกระแสตลาดสุขภาพทั่วโลกตื่นตัวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถือเป็นความโชคดีของประเทศไทยที่มีพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมอันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลก เพราะที่ผ่านมาชาวต่างชาติส่วนมากมักได้ดื่มแต่น้ำมะพร้าวจากผลแก่ ฉะนั้น เมื่อมาเที่ยวเมืองไทยแล้วมาดื่มมะพร้าวน้ำหอมจากผลมะพร้าวสดเลยติดใจ จนมีนักท่องเที่ยวบางคนสงสัยว่าใส่น้ำตาลหรือ”

จากความเชื่อมั่นว่าอนาคตกะทิสำเร็จรูปจะเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก ดังนั้น ธุรกิจมะพร้าวของเทพผดุงพรจึงริเริ่มผลิตกะทิสำเร็จรูปในชื่อ “ชาวเกาะ” ขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรก

กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวของเทพผดุงพรในแบรนด์ชาวเกาะชนิดแรก คือ กะทิพาสเจอไรซ์ โดยบรรจุใส่ถุงพลาสติกแล้วจำหน่ายเฉพาะตลาดในประเทศ สินค้าชนิดนี้ทำมานาน 40 ปี มีตลาดเป็นผู้บริโภคทั้งกลุ่มในครัวเรือน ร้านอาหาร ธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการบริโภคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม อาหารกระป๋องที่มีส่วนผสมของกะทิ

จากนั้นมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นกะทิกระป๋อง ที่ผ่านการฆ่าเชื้อและบรรจุใส่กระป๋องที่ได้มาตรฐาน สามารถเก็บไว้ได้นานถึง 3 ปี ในส่วนนี้จะเน้นการส่งออกต่างประเทศกว่าร้อยละ 90 นอกจากนั้น ยังมี กะทิผงสำเร็จแบบเดียวกับคอฟฟี่เมต โดยสินค้าชนิดนี้มีแผนจะให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้แทนคอฟฟี่เมต เพราะกะทิผงสำเร็จให้ประโยชน์มากกว่า

สินค้าชนิดต่อไปคือ กะทิชาวเกาะยูเอชที ที่บรรจุใส่กล่องและคุ้นหน้าคุ้นตากัน เป็นผลิตภัณฑ์กะทิสดจากมะพร้าวที่ได้รับการคัดสรรอย่างดี ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย สะอาดและถูกหลักอนามัย โดยยังคงความสดและรสชาติให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ สามารถเก็บได้นานถึง 1 ปี โดยไม่ต้องแช่เย็น อีกทั้งยังมีหลากหลายขนาดให้เลือกใช้ตามความต้องการ ทั้งขนาด 150 มิลลิลิตร ขนาด 250 มิลลิลิตร ขนาด 500 มิลลิลิตร ขนาด 1,000 มิลลิลิตร และน้องใหม่ขนาด 65 มิลลิลิตร

“ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้มีอายุการเก็บรักษาได้เพียงปีกว่า จึงไม่เหมาะกับการส่งออกขายต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม สินค้าทั้ง 2 แบบ ไม่มีการใส่วัตถุกันเสีย ขณะที่มะพร้าวแก่แยกเนื้อออกไปเข้ากระบวนการก็ได้น้ำมะพร้าวมาใช้สำหรับเลี้ยงวุ้นมะพร้าวที่เป็นสินค้าอีกชนิดด้วย”

“VIRGIN OIL” หรือ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น เป็นสินค้าอีกชนิดที่ได้รับความนิยม คุณเกียรติศักดิ์ ชี้ว่า มีหลายคนเข้าใจว่าน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ทำจากเนื้อมะพร้าว แต่ความจริงใช้หัวกะทิเข้มข้นในอัตราส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ แล้วเหวี่ยงด้วยความเร็วรอบ 7,000 รอบ ต่อนาที เพื่อไล่น้ำและสิ่งเจือปนออกให้หมด แล้วจะเหลือเพียงความชื้น 0.5 จึงไม่จำเป็นต้องฆ่าเชื้อ อีกทั้งยังเก็บไว้ได้นานหลายปีโดยไม่เสีย ทั้งนี้ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นให้ประโยชน์กับร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า

อย่างไรก็ตาม จุดด้อยของน้ำมันมะพร้าวเมื่ออยู่ในอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศา จะเปลี่ยนสถานะเป็นไขจับกันเป็นก้อน ซึ่งผู้บริโภคหลายท่านก็กังวลในเรื่องนี้แล้วไม่กล้านำมาใช้ แต่ถ้าพิจารณาให้ดีจะพบว่าร่างกายมนุษย์มีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 37 องศา ดังนั้น การที่ใช้น้ำมันชนิดนี้ผ่านเข้าไปในร่างกายก็ไม่เกิดอันตรายหรือตกค้าง แถมยังไปช่วยเร่งการเผาผลาญทำให้อาหารย่อยได้ง่ายแล้วไม่ทำให้อ้วนด้วย

กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ในกระบวนการผลิตสินค้าทุกชนิดจากมะพร้าวในแต่ละขั้นตอนสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือวัสดุเหลือใช้ อย่างกะทิเมื่อคั้นออกมาแล้วสิ่งที่ได้คือกากและผิวมะพร้าว ขณะที่การกะเทาะมะพร้าวถึงวันละแสนลูก มีผลที่ดีสมบูรณ์ ส่วนผลไม่สมบูรณ์จะแยกออกมาแล้วนำไปใส่เครื่องอบร่วมกับกากและผิวมะพร้าว เพื่อเข้ากระบวนการแล้วบีบน้ำมันออกมาอีกครั้ง โดยเป็นน้ำมันดิบจากนั้นส่งให้บริษัทน้ำมันพืชไปสกัดเป็นน้ำมันสำหรับปรุงอาหาร ภายหลังจากผ่านกระบวนการอบและบีบเป็นน้ำมันดิบแล้วสิ่งที่เหลือจะเป็นกาก โดยนำไปใช้ประโยชน์ด้วยการขายเป็นอาหารสัตว์ มีข้อดีคือไม่มีไขมันเหลืออยู่เลย มีแต่เฉพาะโปรตีนล้วน

นอกจากนั้น กะลามะพร้าวยังนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการต้มต่างๆ ในโรงงาน ถือเป็นการประหยัดต้นทุนได้มาก แต่อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายที่ในส่วนของกะลายังมีน้อยเกินไป เนื่องจากมีความคิดว่าจะทำ ACTIVED CARBON หรืออาจจะใช้กะลามะพร้าวไปเผาเป็นถ่านก่อน จากนั้นจึงนำถ่านไปขายส่งให้แก่โรงงานที่ทำ ACTIVED CARBON ต่อไป

“สิ่งที่กล่าวมาจึงเห็นว่ามะพร้าวทั้งผลเมื่อผ่านทุกกระบวนการแล้วสามารถนำมาใช้ประโยชน์และสร้างมูลค่าได้ทั้งหมดโดยไม่มีสิ่งของตกค้างหรืออาจมีก็จะเหลือน้อยที่สุด ดังนั้น ที่บริษัทจึงทำงานกันเป็นระบบ ZERO WASTE”

 

เอาใจแม่ครัว ด้วยผลิตภัณฑ์น้ำพริก “แม่พลอย”

คุณเกียรติศักดิ์ กล่าวว่า ในระหว่างที่นำผลิตภัณฑ์กะทิไปส่งที่ร้านอาหารไทยในต่างประเทศผ่านตู้คอนเทนเนอร์ ปรากฏว่าทางร้านอาหารไทยหลายแห่งได้ฝากให้ส่งน้ำพริกแกงหลายชนิดมาด้วยทุกครั้งในคราวละจำนวนมาก ดังนั้น จึงมองว่าถ้ามีความต้องการเช่นนี้จึงได้ผลิตน้ำพริกชนิดต่างๆ ออกมาเป็นแบรนด์ “แม่พลอย” อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นตามมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นน้ำจิ้มไก่ ผงพะโล้ ผงหมูแดง จนกระทั่งสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในตลาดได้

 

ต่อยอดส่งผลไม้กระป๋อง “ยอดดอย” เทียบชั้นแบรนด์ชั้นนำ

นอกจากนั้นแล้ว บริษัท เทพผดุงพร จำกัด ยังมีผลิตภัณฑ์ผัก ผลไม้กระป๋องหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเงาะ ลำไย ลิ้นจี่ก็ผลิตด้วยแล้วส่งไปขายต่างประเทศ ในชื่อชาวเกาะ แต่หากขายในประเทศใช้ชื่อยอดดอย พร้อมกันนั้นยังมีลูกตาล แห้ว ขนุนอ่อนกระป๋อง กล้วยน้ำว้ากระป๋อง แล้วที่แปลกกว่านั้นคือทำอ้อยกระป๋องส่งขายต่างประเทศได้รับความสนใจมาก โดยเฉพาะร้านอาหารเวียดนามนำไปใช้ทำกุ้งพันอ้อย ดังนั้น จึงเห็นว่าธุรกิจนี้ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มอย่างแท้จริง แล้วยังมีวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ

 

จำนวนมะพร้าว มีพอเพียงกับการผลิตหรือไม่

คุณเกียรติศักดิ์ กล่าวว่า ความจริงวิกฤติขาดแคลนมะพร้าวเกิดขึ้นมาสัก 5-6 ปีอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเกิดจากการเข้าทำลายของศัตรูพืช ซึ่งทางเทพผดุงพรเคยร่วมมือกับทางจังหวัดเพื่อจัดการปราบหนอนหัวดำเพื่อให้หมดไป แต่พบปัญหาบางประการจึงไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เลยไม่สำเร็จ

คราวนี้ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นก็ได้รับการอนุญาตให้สั่งนำเข้ามะพร้าวได้ โดยสามารถทำในช่วง AFTA คือราวเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม ของทุกปี โดยไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าหลังจากช่วงดังกล่าวจะต้องเสียภาษีในอัตรา 54 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ราคากะทิสำเร็จรูปในท้องตลาดมีราคาสูง เพราะสินค้ามีน้อยอันมาจากวัตถุดิบหายาก แต่ขณะเดียวกัน ความต้องการอยู่ในระดับเท่าเดิมหรือมากกว่า

 

ปัญหาขาดแคลนมะพร้าว ผลกระทบต่อการผลิต

คุณเกียรติศักดิ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางการแก้ปัญหาช่วงมะพร้าวขาดแคลนว่า มีหลายหน่วยงานเคยมีการประชุมเพื่อแก้ปัญหา แล้วพิจารณาร่วมกันว่ากระบวนการผลิตและแปรรูป ตลอดจนการขนส่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำนั้น

ปัญหาที่พบมากที่สุดคือ ทางต้นน้ำ เนื่องจากเป็นขั้นตอนในการผลิตหรือการปลูกมะพร้าวจากสวนเพราะมีจำนวนไม่เคยเพียงพอหรือขาดแคลนวัตถุดิบเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม มติในที่ประชุมตกลงกันว่าจะเพิ่มพื้นที่ปลูกมะพร้าวให้ได้ปีละหมื่นกว่าไร่ พร้อมกับทำโครงการ 9101 เพื่อเพาะต้นพันธุ์มะพร้าวพันธุ์ชุมพร 2 ให้เป็นคู่ขนานกันไป โดยหวังให้มีจำนวนผลผลิตจำนวนมากเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

กรรมการผู้จัดการ แจงว่า ทุกผลิตภัณฑ์ธุรกิจของเทพผดุงพรพร้อมจะขยายกำลังการผลิตออกไปทุกผลิตภัณฑ์หากมีวัตถุดิบเพียงพอและยั่งยืน เพราะถึงแม้เศรษฐกิจทั่วไปจะชะลอตัว แต่ธุรกิจแปรรูปมะพร้าวยังสามารถเติบโตได้ตลอดเวลา

สำหรับด้านการผลิต โรงงานชาวเกาะให้ความสำคัญในด้านการควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทผลิตจากวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ มีความปลอดภัย ไม่ใส่สี ไม่ใส่วัตถุกันเสีย แล้วยังมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอย่างต่อเนื่องจนได้รับการรับรองในระดับสากลจากมาตรฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น GMP, HACCP, ISO 9001:2000 หรือแม้แต่เครื่องหมายรับรองฮาลาลด้วย

นอกจากนั้น โรงงานชาวเกาะยังได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากลูกค้าทั่วโลก อาทิ องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (ยูเอสเอฟดีเอ) และสมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักร (บีอาร์ซี) เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ผลิตภัณฑ์แบรนด์ชาวเกาะจึงเป็นที่ยอมรับและไว้วางใจของผู้บริโภค ร้านค้า และโมเดิร์นเทรดดังหลายแห่ง รวมไปถึงคู่ค้าทั่วโลก

ทางด้านแหล่งมะพร้าวที่เป็นวัตถุดิบของเทพผดุงพรมีพื้นที่ปลูกไว้เองจำนวนกว่าพันไร่ที่ทับสะแก พร้อมกับยังมีการนำผลผลิตจากชาวบ้านในพื้นที่มาใช้ด้วย ทั้งนี้ แหล่งที่รับซื้อมะพร้าว ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช แล้วยังมีบางส่วนใน 3 จังหวัดภาคใต้ด้วย อย่างไรก็ตาม ได้ส่งเสริมให้ชาวบ้านแปรรูปเป็นเนื้อมะพร้าวและน้ำมะพร้าวเข้าโรงงานแทนการส่งมะพร้าวลูก ทั้งนี้ มะพร้าวที่รับซื้อส่วนมากเป็นมะพร้าวแก่

 

ชูยอดขาย ตลาดต่างประเทศ

สำหรับภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเทพผดุงพรในขณะนี้อาจกล่าวได้ว่าประเทศสหรัฐอเมริกานับเป็นตลาดหลักแล้วมีขนาดใหญ่ โดยส่งสินค้าให้จำนวนกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้น มีที่ออสเตรเลีย โอเชียเนีย ส่วนตลาดยุโรปมียอดส่งราว 15 เปอร์เซ็นต์ และตลาดทางโซนเอเชีย ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวัน จีน ญี่ปุ่น ทั้งนี้ หากเทียบตลาดต่างประเทศก็ประมาณ 40 ประเทศทั่วโลก แล้วมีอัตราการเพิ่มขึ้นทุกปี

“ความจริงมะพร้าวเป็นพืชที่มีประโยชน์มากที่สุด แล้วมองว่าในอนาคตอันใกล้นี้ผู้บริโภคจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาบริโภคมะพร้าวกันมากขึ้นในทุกช่องทาง เพราะเริ่มตระหนักถึงประโยชน์ของมะพร้าวที่มีต่อร่างกาย หรือทางด้านผู้ปลูกถ้าต้องการปลูกในเชิงอุตสาหกรรมแนะนำให้ใช้พื้นที่ทางภาคใต้จะเหมาะสมกว่า แต่ในกรณีที่ต้องการปลูกในครัวเรือนอาจปลูกที่ไหนก็ได้ เพียงแต่คุณภาพรสชาติอาจเพี้ยนไปตามพื้นที่ปลูกเท่านั้นเอง แต่คุณประโยชน์ยังคงมีอยู่” คุณเกียรติศักดิ์ กล่าว

สอบถามรายละเอียดผลิตภัณฑ์ของบริษัท เทพผดุงพร จำกัด เพิ่มเติมได้ที่ อาคารเทพผดุงพร เลขที่ 392/56-57 ซอยปรีชาพาณิชย์ ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท์ (02) 622-3434 ศูนย์บริการลูกค้า (02) 622-3838 สำนักประชาสัมพันธ์ (02) 622-3737 โทรสาร (02) 226-1829