สศก.ลงพื้นที่ชัยนาท หารือร่วม บริษัท พรีเมียม บีฟ จำกัด เกาะติดโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดโคเนื้อรองรับ FTA 

นางกาญจนา แดงรุ่งโรจน์ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการติดตามความคืบหน้า ผลการดำเนินงานของโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดโคเนื้อรองรับ FTA ณ คอกกลาง (Central Feedlot) ของบริษัท พรีเมียม บีฟ จำกัด อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ซึ่งโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดโคเนื้อรองรับ FTA มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพเพิ่มขีดความสามารถการผลิตโคเนื้อและเนื้อโคให้สามารถแข่งขันได้ พัฒนาประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์เพิ่มมูลค่า ลดต้นทุน สร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายการผลิตตลอดห่วงโซ่ ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถการตลาด สามารถแข่งขันรองรับผลกระทบที่จะเกิดจาก FTA ให้แก่กลุ่มเกษตรกร 4 เครือข่าย ได้แก่ 1) เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนโคเนื้อล้านนา จังหวัดเชียงราย 2) วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อคุณภาพดีตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ 3) เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนโคเนื้อไทย จังหวัดราชบุรี 4) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเครือข่ายพัฒนาโคเนื้อ จังหวัดตาก และบริษัท พรีเมียม บีฟ จำกัด มีระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี ตั้งแต่ปี 2563-2571 วงเงินสนับสนุน 161.78 ล้านบาท โดยมีกรมปศุสัตว์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก

สำหรับการดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดโคเนื้อรองรับ FTA ได้ดำเนินการการก่อสร้างคอกกลาง โรงเก็บอาหาร สำนักงาน อาคารปฏิบัติการ และปรับปรุงคอกกลาง ซื้อโคก่อนขุนและปัจจัยการผลิต เพื่อเข้าเลี้ยงขุนในคอกกลาง (Central Feedlot) จัดซื้อครุภัณฑ์และอุปกรณ์ และซื้อโคขุนปลายน้ำเพื่อแปรสภาพ อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้โครงการฯ จะประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 การแพร่ระบาดของโรคลัมปิสกิน (Lumpy Skin Disease) และโรคปากเท้าเปื่อยในโค รวมถึงภาวะเศรษฐกิจหดตัวต้นทุนด้านอาหารสัตว์และค่าขนส่งที่สูงขึ้น จึงอาจส่งผลกระทบบางส่วนต่อแผนการดำเนินงาน สศก. จึงได้ลงพื้นที่และหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการเข้ามากำกับดูแล ติดตามควบคุมการดำเนินงานของทั้ง 4 เครือข่าย และ 1 บริษัท ให้ดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้ สินค้าโคเนื้อ นับเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากตลาดภายในประเทศอย่างมาก แต่ปริมาณการผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งหากประเทศไทยสามารถผลิตเนื้อโคขุนคุณภาพได้ จะส่งผลให้ไทยสามารถลดการนำเข้าเนื้อโคจากต่างประเทศได้ ยกระดับมาตรฐานและประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้อ ตั้งแต่ผลิตจนถึงตลาด ซึ่งกองทุน FTA ยินดีให้คำปรึกษาแก่กลุ่มเกษตรกร หรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีข้อเสนอโครงการต่างๆ เพื่อร่วมกันพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าเกษตรไทย

โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-561-4727 หรือ อี-เมล [email protected] รวมถึงช่องทางผ่านเว็บไซต์ www.กองทุนปรับโครงสร้างภาคเกษตร.com และ Facebook: กองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร (กองทุน สกท.)