บมจ. ไทยเซ็นทรัลเคมี เปิดโครงการ “เกษตรสร้างคุณค่า” ถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม หวังจุดประกายการแก้ปัญหาภาคการเกษตรอย่างยั่งยืน

บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายปุ๋ยเคมีที่อยู่กับภาคเกษตรมากว่า 47 ปี ร่วมกับสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และมหาวิทยาลัย จุดประกายการแก้ปัญหาให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในภาคการเกษตร ผ่าน โครงการ “เกษตรสร้างคุณค่า – The Value Creating Agriculture Project” หวังเพิ่มองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทั้งในมุมเศรษฐกิจ ธุรกิจ รวมไปถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเกษตรไทยไปไกลกว่าที่เคย

นายวัชระ ปิงสุทธิวงศ์

นายวัชระ ปิงสุทธิวงศ์ เจ้าหน้าที่บริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี เดินทางมาร่วมเป็นประธานเปิดโครงการ “เกษตรสร้างคุณค่า – The Value Creating Agriculture Project” กล่าวว่า ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา บริษัทได้จัดทำกิจกรรมการอบรมเกษตรกร ตัวแทนจำหน่ายและลูกค้าระดับ Sub-Dealer อย่างต่อเนื่อง โดยได้เรียนเชิญนักวิชาการจากหลากหลายสถาบันและมหาวิทยาลัยมาบรรยาย แลกเปลี่ยนความรู้เชิงวิชาการเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักวิชาการด้านการเกษตรของประเทศไทย นอกจากนี้ ยังได้ร่วมจัดทำแปลงสาธิตทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นแปลงนาสาธิต ไม้ผล มันสำปะหลัง ข้าวโพด อ้อย รวมทั้ง พืชผักต่างๆ แต่ในปีนี้ ประเทศไทย รวมทั้งประเทศต่างๆ ทั่วโลกประสบกับการระบาดของโรคโคโรน่าไวรัส หรือ COVID-19 ทำให้ไม่สามารถจัดทำโครงการอบรมให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการด้านการเกษตรได้ บริษัทจึงมีแนวคิดที่จะเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้องทางการเกษตรอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จัดทำโครงการ “เกษตรสร้างคุณค่า – The Value Creating Agriculture Project” ขึ้น

โครงการ “เกษตรสร้างคุณค่า – The Value Creating Agriculture Project” คือเวทีในการนำเสนอ เผยแพร่ พูดคุยประเด็นต่างๆ ด้านการเกษตร ด้านแนวคิดการทำการเกษตรใหม่ๆ และภาพรวมเศรษฐกิจภาคการเกษตรไทยในปัจจุบันและทิศทางในอนาคต รวมทั้งเป็นเวทีในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ทางด้านการทำธุรกิจการเกษตรของประเทศไทย และสร้างกลุ่ม Smart Farmer โดยเน้นกลุ่มนักศึกษาด้านการเกษตร ธุรกิจเกษตรและผู้ประกอบการธุรกิจการเกษตรรุ่นใหม่ ประกอบด้วยกิจกรรมหลักๆ สองกิจกรรม คือ Agri. Insights ซึ่งเป็นการบรรยาย เสวนา ทางวิชาการ ทุกๆ วันเสาร์ ตั้งแต่ 14.00-16.00 น. มีทั้งหมด 10 ตอน โดยเริ่มตอนแรกในวันที่ 31 ตุลาคม 2563 และกิจกรรมที่สองคือ Thailand Agriculture Forum ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 23-24 มกราคม 2564 กิจกรรมนี้จะมีไฮไลต์ ในวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 คือ การแข่งขันวิเคราะห์และเสนอแนวคิดเพื่อตอบโจทย์ปัญหาด้านการเกษตรของไทย (Agricultural Case Competition) ของนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ชิงทุนการศึกษากว่า 200,000 บาท โดยกิจกรรมทั้งหมดจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกร นิสิต นักศึกษา นักวิชาการด้านการเกษตร รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจเกษตรของไทย ได้นำความรู้ไปพัฒนาภาคเกษตรกรรมของไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

นายกองเอกเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช

ด้าน นายกองเอกเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย กล่าวว่า ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทยได้มีกิจกรรมอบรมให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการค้า ปัจจัยการผลิตทางการเกษตรอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี สำหรับโครงการ “เกษตรสร้างคุณค่า” สมาคมมีส่วนร่วมในการกำหนดหัวข้อบรรยายต่างๆ และได้ประสานงานเรียนเชิญนักวิชาการระดับประเทศ ที่จะถ่ายทอดวิชาความรู้และความชำนาญของแต่ละท่านให้แก่ผู้สนใจ เข้ารับฟังและชมรายการดังกล่าว โดยแบ่งเนื้อหาเป็น 10 เรื่อง คือ 1. ข้าว : การผลิตและการเพิ่มมูลค่าข้าวไทย 2. ผลไม้ : การผลิตการส่งออกและแนวโน้มตลาด 3. ยางพารา : อนาคตและการปรับตัวของเกษตรกร 4. แนวทางปฏิบัติและการจัดการในภาคเกษตร นิยามบทบาทและความเหมาะสมของเคมีและอินทรีย์ 5. ห่วงโซ่มูลค่าในภาคเกษตร/การเพิ่มมูลค่าจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ 6. เทคโนโลยีการเกษตร/การปฏิบัติจริงและความเป็นไปได้ในอนาคต 7. น้ำ : การบริหารและการจัดการน้ำเพื่อการเกษตร 8. การจัดการทรัพยากรการเกษตรอย่างยั่งยืนและความมั่นคงด้านอาหารและมนุษย์ 9. การจัดการที่ดีตามวิถีเกษตรก้าวหน้า 10. การบริหารการเงินและภาษีสำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร ทางสมาคมหวังว่าการบรรยายทั้ง 10 เรื่องนี้ จะสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ผู้เข้าร่วมอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้หรือไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในทุกภาคส่วนของวงการธุรกิจการเกษตรไทยต่อไป

รศ.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร

รศ.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า ภาคการเกษตรไทยต้องมีการปรับโฉมกันครั้งใหญ่ เพราะประเทศอื่นๆ เช่น เวียดนาม อินเดีย จีน ได้แซงหน้าไปไกลกว่าประเทศไทยแล้ว ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมาก ที่หลายๆ ภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน NGO และประชาชน จะได้ช่วยกันนำความรู้และเทคโนโลยีมาพัฒนาภาคการเกษตร ลดความเหลื่อมล้ำ และจุดประกายให้คนรุ่นใหม่หันมาช่วยกันพัฒนาให้เกิดความยั่งยืน

รศ.ดร.สุมิตรา ภู่วโรดม

รศ.ดร.สุมิตรา ภู่วโรดม นักวิจัยอาวุโส ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีความยินดีที่ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนโครงการ “เกษตรสร้างคุณค่า” เพราะมหาวิทยาลัยเป็นแหล่งรวบรวมความรู้และงานวิจัยต่างๆ มากมาย ที่ผ่านมาประเทศไทยขาดการวิจัยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลผลิตลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการใช้ปุ๋ยและธาตุอาหารพืช เกษตรกรยังใช้ปุ๋ยแบบเดิม ทั้งๆ ที่ปัจจุบันสภาพดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ดังนั้น งานวิจัยของมหาวิทยาลัยจะเป็นหัวใจของการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จะสามารถไปปฏิบัติได้ในพื้นที่จริง

นางสาววรวลัญช์ พชรสิริกุล นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า โครงการ “เกษตรสร้างคุณค่า” เป็นโครงการเสริมความรู้ให้กับนักศึกษานอกเหนือจากทฤษฎีที่ได้เรียนมาในมหาวิทยาลัย เพราะความรู้ที่ได้จะมีทั้งในเรื่องการวางแผนจัดการด้านการเกษตร นวัตกรรมใหม่ๆ และการเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตร หากนำความรู้ที่ได้มารวมกับทฤษฎีที่เรียนมาก็จะสามารถนำไปประยุกต์และจุดประกาย ความคิดใหม่ๆ ให้พวกเรามีแนวทางในการพัฒนาประเทศ และถ้าเราร่วมมือกันหลายๆ ฝ่าย ก็จะส่งผลดีกับประเทศได้ในอนาคต

Advertisement

ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารโครงการ “เกษตรสร้างคุณค่า – The Value Creating Agriculture Project” ได้ที่ www.kasetsarngkhunka.com และ Facebook ปุ๋ยเต็มสูตร ตราหัววัว – คันไถ ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป