พาชม! นวัตกรรม EV ในงานพลังงาน

พาชม! นวัตกรรม EV ในงานพลังงาน และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ASEAN Sustainable Energy Week และ Electric Vehicle Asia 2023

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากความนิยมใช้รถพลังงานไฟฟ้าเพื่อประหยัดพลังงาน นอกจากจะช่วยแก้ปัญหามลพิษทางอากาศยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน สังคม และเศรษฐกิจ และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้คนในระยะยาว

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้รถที่มีเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดการปล่อยไอเสียและเกิดสารละอองที่เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่ประกอบด้วยเขม่าเป็นส่วนใหญ่ (PM 2.5) รถพลังงานไฟฟ้า หรือรถ EV (Electric Vehicle) จึงเป็นรถทางเลือกในการลดมลพิษทางอากาศเพราะด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนของมอเตอร์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงอย่างน้ำมัน 100% ทำให้ไม่มีการปล่อยไอเสียและการเผาไหม้ใดๆ ที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ

เปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด สู่เป้าหมาย Carbon Neutrality การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นปัญหาหลักที่ส่งผลกระทบต่อทุกภูมิภาคทั่วโลก การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก ภาวะโลกร้อน ภัยแล้ง อุทกภัย ล้วนเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน ประเทศไทยวางเป้าหมายเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

ล่าสุด กระทรวงพลังงาน เป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อน เพื่อเชื่อมไทยสู่เวทีระดับภูมิภาค เพื่อรับมือวิกฤตโลกร้อนด้วยการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาด โดยจับมือสมาคมยานยนต์ไฟฟ้า และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์  จัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week และ Electric Vehicle Asia 2023 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งได้นำเสนอนวัตกรรม เทคโนโลยีสีเขียว ตอบโจทย์ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายใต้แนวคิด ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน นำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันล้ำสมัยด้านพลังงานทดแทน ประสิทธิภาพพลังงาน และสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบ

Advertisement

คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้ตามท้องถนนเราเห็นยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งสถานีชาร์จที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศกว่า 4,600 แห่ง โดยอุปสงค์ดังกล่าวได้รับการสนับสนุนที่ดีจากภาครัฐ อาทิ นโยบายลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนการให้เงินอุดหนุน 18,000 บาทต่อคันสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ

Advertisement

ผศ.ดร.อุเทน สุปัตติ อุปนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ฝ่ายวิชาการ กล่าวว่า Electric Motorcycle Smart ที่นำมาแสดงในงานนี้ เป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่ดัดแปลงมาจากรถใช้น้ำมัน ที่ได้เข้าร่วมในงานแข่งขันรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลงเพื่อธุรกิจแห่งอนาคตครั้งที่ 2 จัดโดยสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเเห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา เพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านยานยนต์ไฟฟ้า รองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ในปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 2 คัน ได้รับรางวัลทั้งในภาคสถาบันการศึกษา และประชาชนทั่วไป โดยข้อมูลจากใช้งานของ Electric Motorcycle Smart ใช้แบตเตอรี่ Lithium Nickel Manganese Cobalt Oxide (NMC) ทำความเร็วสูงสุดที่ 100 Km/h ระยะทางสูงสุด 80-100 Km/h ใช้ระยะเวลาชาร์จแบตเตอรี่ 6 ชั่วโมง

ทั้งนี้ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า เดือนเมษายน 2566 ประเทศไทยมีจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมทุกประเภทกว่า 58,232 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 32,000 คัน รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ากว่า 23,000 คัน และยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถโดยสาร รถสามล้อ และอื่นๆ อีกกว่า 3,000 คัน

สถานีชาร์จ จากผลงานคนไทย โจทย์สำคัญรับการเติบโตรถยนต์ EV User ที่หันมาใช้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ส่วนใหญ่มีความกังวลในเรื่องจำนวนสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่สามารถรองรับการใช้งานได้เพียงพอ ซึ่งปัจจุบันทั้งหน่วยงานรัฐและผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้า ต่างมีแผนจะเพิ่มสถานีชาร์จทั่วประเทศให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ พร้อมการพัฒนาเทคโนโลยีให้การชาร์จทำได้ในเวลาที่รวดเร็ว และใช้งานได้นานขึ้น ไม่ว่าจะเป็น MEA EV สถานีชาร์จไฟ ของการไฟฟ้านครหลวง (MEA) ที่ให้บริการจุดชาร์จรถไฟฟ้ารายแรกๆ ในไทย, EleX by EGAT เป็นสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สถานีชาร์จไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA), EV Station PluZ เป็นสถานี EV Charging ที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

EV WORK คือหนึ่งในผู้เข้าร่วมงาน มาพร้อมการโชว์นวัตกรรมสุดล้ำ ตอบโจทย์ธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่ให้บริการในรูปแบบธุรกิจสถานีชาร์จแบบความเร็วสูง DC Charger ซึ่งนับเป็นวิธีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุด เพราะเป็นการชาร์จไฟจากหัวจ่ายเข้าสู่แบตเตอรี่โดยตรง

รวมทั้งแบบ AC (Alternating Current) ไฟฟ้ากระแสสลับ เป็นระบบไฟฟ้าแรงดัน 220 โวลต์ ที่ใช้สำหรับที่พักอาศัยทั่วไป ซึ่งการชาร์จรถไฟฟ้าด้วย AC คือ การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน ผ่าน Wallbox นับเป็นวิธีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีต้นทุนถูกที่สุด

ขอบคุณภาพจาก : https://www.facebook.com/EV Work

อีกหนึ่งธุรกิจบริการติดตั้งเครื่อง EV Charger ที่มีครบทั้งการใช้งานตามที่พักอาศัย ร้านคาเฟ่ไปจนถึงสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าทุกรูปแบบ ราคาเริ่มต้นที่ 29,000-800,000 บาท

“แพลตฟอร์มมาชาร์จ” Ma Charge Cloud หรือ MCC สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV bike) โดย บมจ.เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี และ บมจ.เอเอ็มอาร์ เอเซีย ที่ได้ร่วมกันศึกษาและพัฒนาธุรกิจขายและให้เช่า EV bike และการติดตั้งสถานีแบตเตอรี่ EV bike รวมถึงการให้บริการสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้กับผู้ใช้ EV bike ในประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งบูธที่น่าสนใจ ซึ่งพัฒนาแพลตฟอร์มของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า “มาชาร์จ แพลตฟอร์ม” ให้บริการกับผู้ประกอบการ และผู้บริหารเมืองที่สนใจนำแพลตฟอร์มไปให้บริการกับประชาชนในท้องถิ่น

โดยรูปแบบของแพลตฟอร์มมีองค์ประกอบ คือ สถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่งถูกออกแบบเพื่อให้ใช้งานง่ายและเป็นระบบกึ่งอัตโนมัติ พร้อมกับระบบความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ซึ่ง AMR ได้ดำเนินการพัฒนาสถานีฯ ดังกล่าว พร้อมให้บริการประมาณเดือนเมษายน 2566 สำหรับ มาชาร์จ แพลตฟอร์ม จะมี Web Application ในการบริหารจัดการจากส่วนกลาง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และสถานีฯ อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลที่จัดเก็บทั้งหมดมาวิเคราะห์เพื่อให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆ ในโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมีประโยชน์สูงสุดต่อทั้งผู้ใช้งานและผู้ประกอบการ

นอกจากนี้ ทีม R&D ยังได้พัฒนาโปรแกรมประยุกต์สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Application) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ (Rider) สำหรับการใช้งานสถานีฯ ในโครงการ ด้วยฟังก์ชั่นการค้นหาเส้นทางไปสถานีฯ ตรวจสอบปริมาณไฟฟ้าในแบตเตอรี่แต่ละก้อนของแต่ละสถานีฯ และสามารถจองแบตเตอรี่ล่วงหน้าก่อนไปถึงสถานีฯ ได้ ตลอดจนสามารถแจ้งปัญหาที่เกิดจากการใช้งานสถานีฯ ผ่านแอปพลิเคชันได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีความน่าสนใจมากมายในการจัดงานครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการนำพาประเทศไทยเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด สู่สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต ไปพร้อมการสอดรับเป้าหมายของโลกที่ถนนทุกสาย มุ่งไปสู่ความยั่งยืนถ้วนหน้า

มาตรการรัฐ หนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) มีมาตรการในการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ และมีนโนบายสนับสนุนประชาชนให้มาใช้รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เช่น การลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงาน และนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 โดยให้ลดภาษีลงร้อยละ 80 จากอัตราที่กำหนด เช่น

  • รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 1,600 บาท คงเหลือ 320 บาท
  • รถตู้ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้าน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 800 บาท คงเหลือ 160 บาท
  • รถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 50 บาท คงเหลือ 10 บาท เป็นต้น โดยลดภาษีประจำปีเป็นระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่รถนั้นจดทะเบียน

ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก รายงานสถิติยอดจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้า ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2566 มีทั้งสิ้น 32,450 คัน โดยในปี 2566 มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาจดทะเบียนที่ ขบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ในช่วงเวลาเดียวกันถึง 474.43% แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น

ที่มา : กระทรวงคมนาคม

บอร์ดอีวี หนุนอุตฯ แบตเตอรี่เต็มสูบ อัดฉีด 2.4 หมื่นล้าน ชวนตั้งฐานผลิตในไทย

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) เห็นชอบหลักการของมาตรการสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่ด้วยการให้เงินสนับสนุนวงเงิน 24,000 ล้านบาท สำหรับการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีสรรพสามิต จาก 8% ลดเหลือ 1%

สำหรับมาตรการด้านแบตเตอรี่ถือเป็นเรื่องที่ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าต่างรอความชัดเจน เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากหากมีราคาถูกลงจะช่วยในการส่งเสริม Ecosystem ของยานยนต์ไฟฟ้าได้ เพื่อให้เป็น New S-Curve ที่จะกลายเป็นอนาคตที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ GDP ของประเทศไทย และเพิ่มอัตราการจ้างแรงงานในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์อีกด้วย

ติดตามอ่านเรื่องราวดีๆ รวมไปถึงบทความที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่จะช่วยให้ข้อคิด แนวคิด และเคล็ดลับในการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ที่ www.Bangkokbanksme.com

อ้างอิง

https://www.greennetworkthailand.com/asean-sustainable-energy-week-2023-electric-vehicle-asia-2023/

https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220401133608119

http://www.evat.or.th/17367497/emc-2023

https://www.facebook.com/EVAT2015/?ref=embed_page

https://www.facebook.com/EVwork.EVcharger

https://www.infoquest.co.th