ผู้เขียน	มติชนออนไลน์
เผยแพร่	วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ.2560

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้า วันที่ 4 พฤศจิกายน สภาพอากาศ หนาวเย็น ที่ จ.เลย ช่วงวันหยุดมีนักท่องเที่ยวเดินทางสู่เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม และทยอยตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆใน จ.เลย โดยหลายพื้นที่ ปกคลุมด้วยหมอกขาว โดยเฉพาะยอดภูต่างๆ วัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง 9 องศาเซลเซียส อุทยานแห่งชาติภูเรือ 11 องศาเซลเซียส อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 13. องศาเซลเซียส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ จ.เลย นั้น ภูลำดวน เป็นอีกแห่งหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ที่ อ.ปากชม เพื่อชมทะเลหมอกและทิวทัศน์แม่น้ำโขงทั้งฝั่งไทยและลาว มีสกายวอล์ค และสะพานไม้ที่สร้างด้วยไม้ ที่เชื่อมติดต่อกัน ทำให้ได้เห็นมุมมองของธรรมชาติในมุมสูงหันไปมองได้รอบตัว

นายสุรนันท์ สารีพิมพ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 บ้านปากชม กล่าวว่า ภูลำดวนเดิมที เรียกว่า ภูซำทอง เพราะมีห้วยซำทองไหลผ่านใกล้ๆ เมื่อก่อนเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดของชาวบ้าน ต่อมาได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่นี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะบริเวณนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของโค้งน้ำแม่น้ำโขง ทะเลหมอกและดวงอาทิตย์ขึ้นยามเช้าได้อย่างสวยงาม จึงตั้งชื่อใหม่ให้จุดชมวิวแห่งนี้ว่า ภูลำดวน ตามชื่อของเจ้าของไร่ข้าวโพดแห่งนี้

ในส่วนการสร้างสกายวอล์ค เริ่มมาจาก นายคุมพล บรรเทาทุกข์ อดีตผู้ว่าราชการ จ.เลย แนะนำว่า ควรมีสะพานและมีสกายวอล์คยื่นออกไป ให้เป็นที่ถ่ายรูปของนักท่องเที่ยว เมื่อไม่มีงบประมาณชาวบ้านต้องช่วยกันสร้างเอง เรียกว่าสะพานไม้สกายวอล์คคนจนไปเลย ต่อมาทาง ส.อ.เชษฐา ชาวประเสริฐ นายอำเภอปากชม ได้ขอให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ช่วยกันส่งเสริมให้ภูลำดวนเป็นแหล่งท่องเที่ยวของ อ.ปากชม

โดยขอให้ช่วยกันในแต่ตำบล แต่ละหมู่บ้าน ช่วยกันหาไม้เก่าที่ชาวบ้านไม่ใช้หรือเหลือใช้ นำมาก่อสร้างสกายวอล์คและสะพาน ให้สวยงามเพื่อรองรับนักเที่ยว และให้ชาวบ้านมาร่วมช่วยกันก่อสร้างขึ้น เพื่อให้สถานที่นี้เป็นของคน อ.ปากชม และก็ได้รับความร่วมมือทุกหมู่บ้าน จนแล้วเสร็จออกมาอย่างสวยงาม โดยไม่ใช้งบประมาณของทางราชการเลย และมีสกายวอล์คสร้างไว้ถึง 4 จุด ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป

สำหรับการเดินทางมาภูลำดวนห่างจากตัวอ.ปากชมเพียง 3 กิโลเมตร ด้านล่างจะมีลานโล่ง สามารถจอดรถไว้ได้ จากนั้นก็ขึ้นรถอีแต๊กของชาวบ้าน คิดค่าบริการคนละ 50 บาท สำหรับคณะ 6 คนขึ้นไป แต่หากมีผู้โดยสารไม่ถึง 6 คน คิดราคาเหมาคันละ 300 บาท