ส่อง “พืช” สายพันธุ์ใหม่ ที่น่าจับตาต้อนรับปี 2024 ทนแล้ง ปลูกง่าย โตไว

เชื่อว่าหลายๆ คน ต้องตามติดเทรนด์กระแสต่างๆ ที่กำลังมาแรงต้อนรับต้นปี เทรนด์สุขภาพ เทรนด์อาหาร เทรนด์ความงาม และที่พลาดไม่ได้เลยเทรนด์เกษตร ที่ผู้คนหันมาสนใจกันมากขึ้น ทั้งหันมาปลูกผักไว้รับประทานเอง ปลอดสารเคมี รวมไปถึงที่ทำให้หลายๆ คน ผันตัวเป็นเกษตรกรที่ทำรายได้เสริมมากกว่ารายได้หลัก เป็นอาชีพที่น่าภูมิใจไม่น้อย เชื่อว่าแต่จะประสบความสำเร็จมาได้ต้องผ่านอุปสรรคมาไม่น้อย

ก่อนจะหมดเดือนแรกของปี เทรนด์เกษตรอย่างเทคโนโลยีชาวบ้าน ก็ต้องไม่พลาด รวบรวม “พืชสายพันธุ์ใหม่” ที่น่าจับตาต้อนรับปี 2024 พืชบางตัวทำเอาหลายๆ คนสนใจ จนอยากลองไปปลูกบ้าง แต่ก่อนที่จะนำไปปลูกต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน ว่าแต่จะมีชนิดไหนกันบ้างตามไปส่องกันเลย

1. ถั่วลิสงพันธุ์ดี ทนโรค ให้ผลผลิตสูง ใช้น้ำน้อย

ถั่วลิสงพันธุ์เกษตรศาสตร์ สวก.1

จุดเด่น ให้ผลผลิตสูง 375 กิโลกรัมต่อไร่ ต้านทานต่อโรคยอดไหม้ ปรับตัวได้ดีเมื่อปลูกในฤดูฝนและฤดูแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คุณภาพเมล็ดเป็นที่ยอมรับของอุตสาหกรรมแปรรูป

ถั่วลิสงพันธุ์เกษตรศาสตร์โก๋แก่ 40

จุดเด่น ให้ผลผลิตสูง 370 กิโลกรัมต่อไร่ ทรงต้นเป็นพุ่มเตี้ย เก็บเกี่ยวง่าย เปลือกฝักมีลาย เปอร์เซ็นต์กะเทาะสูง ต้านทานโรคยอดไหม้ ผลผลิตเหมาะกับการแปรรูปเป็นขนมอบกรอบตามมาตรฐานโรงงาน

ถั่วลิสงพันธุ์เคยู อาร์ด้า 20

จุดเด่น ให้ผลผลิตสูง 393 กิโลกรัมต่อไร่ มีอายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมและมีการปรับตัวได้ดีในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง เหมาะสำหรับการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ถั่วลิสงอบกรอบ ขนาดเมล็ดได้มาตรฐานการแปรรูปถั่วเคลือบ

อ่านเพิ่มเติม : https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_268091

2. มะขามเปรี้ยวฝักใหญ่ ทนแล้ง โตไว ติดฝักดก

มะขามเปรี้ยวพันธุ์ฝักยักษ์ หรือ มะขามเปรี้ยวยักษ์ เป็นสินค้าเกษตรทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะเป็นผลไม้เขตร้อนที่เติบโตได้ดีในบริเวณพื้นที่ราบจนถึงบนภูเขาสูง ปลูกได้ทุกสภาพดิน ทนแล้ง ให้ผลดก ฝักใหญ่ เนื้อหนา น้ำหนักดี รสเปรี้ยวสูง ขายดีทั้งมะขามฝักสดและมะขามเปียก แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย 

มะขามเปรี้ยวลูกผสมพันธุ์ KU 80-1

เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์ดกกิ่งหัก กับพันธุ์ปากช่อง 1 ลักษณะฝักตรง น้ำหนักเฉลี่ย 54.40 กรัมต่อฝัก ความกว้างฝัก 3.59 เซนติเมตร ความยาวฝัก 22.20 เซนติเมตร ความหนาฝัก 2.4 เซนติเมตร เนื้อฝักสุกสีน้ำตาลเข้ม น้ำหนักเนื้อ 25.90 กรัมต่อฝัก มีความฉ่ำเนื้อ เปอร์เซ็นต์กรดต่ำ 12.70% เมล็ดสีน้ำตาลคล้ำจำนวนเฉลี่ย 9.90 เมล็ดต่อฝัก ลักษณะยอดอ่อนมีสีน้ำตาลอ่อนๆ

มะขามเปรี้ยวลูกผสมพันธุ์ KU 80-2

เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์ดกกิ่งหัก กับพันธุ์ปากช่อง 1 มีลักษณะดีเด่นคือ ฝักตรงหรือฝักดิ่ง ฝักใหญ่น้ำหนักเฉลี่ย 45.60 กรัมต่อฝัก ความกว้างฝัก 3.42 เซนติเมตร ความยาวฝัก 21.36 เซนติเมตร ความหนาฝัก 2.5 เซนติเมตร เนื้อฝักสุกสีน้ำตาลแดง น้ำหนักเนื้อ 24.40 กรัมต่อฝัก มีความฉ่ำเนื้อ เปอร์เซ็นต์กรดต่ำ 10.50% เมล็ดสีน้ำตาลคล้ำ จำนวนเฉลี่ย 9 เมล็ดต่อฝัก ลักษณะยอดอ่อนมีสีน้ำตาลอ่อน

มะขามเปรี้ยวลูกผสมพันธุ์ KU 80- 3 

เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์สระแก้ว กับพันธุ์ดกกิ่งหัก มีลักษณะดีเด่นคือ ฝักดาบโค้งเล็กน้อย ฝักใหญ่น้ำหนักเฉลี่ย 49.20 กรัมต่อฝัก ความกว้างฝัก 3.79 เซนติเมตร ความยาวฝัก 18.73 เซนติเมตร ความหนาฝัก 2.25 เซนติเมตร เนื้อฝักสุกสีน้ำตาล น้ำหนักเนื้อ 28.20 กรัมต่อฝัก มีความฉ่ำเนื้อ เปอร์เซ็นต์กรดต่ำ 8.50% เมล็ดสีน้ำตาลคล้ำ จำนวนเฉลี่ย 9.9 เมล็ดต่อฝัก ลักษณะยอดอ่อนมีสีเขียว

อ่านเพิ่มเติม : https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_267882

3. มะนาวพันธุ์ดี “กวก. พิจิตร 2” เมล็ดน้อย เปลือกบาง

“มะนาวพันธุ์ กวก. พิจิตร 2” ลักษณะเด่น เจริญเติบโตเร็ว ให้ผลผลิตเร็ว เริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 8-12 เดือน จำนวนเมล็ดต่อผลเฉลี่ย 1.97 เมล็ด น้อยกว่าพันธุ์พิจิตร 1 ที่มีจำนวนเมล็ดต่อผลเฉลี่ย 24.7 เมล็ด ความหนาเปลือกเฉลี่ย 1.78 มิลลิเมตร น้อยกว่าพันธุ์พิจิตร 1 ความหนาเปลือกเฉลี่ย 2.36 มิลลิเมตร และให้ผลผลิตดกเมื่ออายุต้น 3 ปีขึ้นไป เฉลี่ย 1,050 กิโลกรัมต่อไร่

มะนาวพันธุ์พิจิตร 2 โดยการฉายรังสีให้มีเมล็ดน้อยและเปลือกบางลงในขณะที่ยังคงทนทานต่อโรคแคงเกอร์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกรและผู้บริโภคมะนาว โดยใช้เวลาในการปรับปรุงพันธุ์ตามหลักวิชาการนานถึง 12 ปี

ผู้ที่สนใจกิ่งพันธุ์มะนาวพันธุ์พิจิตร 2 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร โทรศัพท์ 056-990-035

อ่านเพิ่มเติม : https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_267865

4. กระเจี๊ยบแดง “กำแพงแสน ม่วงจัมโบ้” เก็บเกี่ยวไว ขายได้ราคาสูงกว่าพันธุ์เดิม 2 เท่า

กระเจี๊ยบแดงพันธุ์กำแพงแสน ม่วงจัมโบ้ มีลำต้นแข็งแรง กลีบเลี้ยงหนา ยาวและใหญ่ ได้ปริมาณเนื้อเยอะ ใช้เวลาปลูกประมาณ 130-150 วัน ก็เก็บขายได้ ตลาดต้องการสูงเพราะดีต่อสุขภาพ บำรุงเม็ดเลือดแดง ลดการเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือด ยับยั้งเนื้องอกและโรคมะเร็ง

เริ่มปลูกกันในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ควรปลูกเป็นแถวยกร่อง ห่างกัน 50-70 เซนติเมตร โดยการหยอดหลุม หลุมละ 3-4 เมล็ด เมื่อเมล็ดงอกให้ถอนต้นที่ไม่สมบูรณ์ออกให้เหลือ 1-2 ต้น เพื่อป้องการแย่งอาหารและโรคโคนเน่าตามมาได้ ช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตคือเดือนธันวาคม-มกราคม

ปัจจุบันกระเจี๊ยบแดงพันธุ์ทั่วไป ขายได้ที่ราคากิโลกรัมละ 20-30 บาท แต่กระเจี๊ยบแดงพันธุ์กำแพงแสน ม่วงจัมโบ้ กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดในวงกว้าง แต่มีเกษตรกรปลูกน้อย จึงขายได้ในราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 40-60 บาท 

อ่านเพิ่มเติม : https://www.technologychaoban.com/agricultural-technology/article_266446

5. ข้าวสีพันธุ์ใหม่ “KU80 นิลกาฬ” ข้าวกล้องสีม่วงดำ ผลผลิตสูง เหนียวนุ่ม

ข้าวสีพันธุ์ “KU80 นิลกาฬ” เป็นข้าวเจ้าไม่ไวต่อช่วงแสง ทรงกอตั้งตรง ความสูงของต้น 69 เซนติเมตร ข้าวกล้องมีรูปร่างเมล็ดเรียว ข้าวกล้องสีม่วงดำ มีปริมาณอะมิโลสต่ำร้อยละ 15.23 เมื่อหุงสุก เนื้อข้าวเหนียวนุ่ม และมีกลิ่นหอมน่ารับประทาน

ข้าวพันธุ์นี้ หากปลูกในแหล่งดินดี น้ำดี อายุปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 120 วัน ไม่มีปัญหาเรื่องโรคและแมลง ให้ผลผลิตประมาณ 800-900 กิโลกรัมต่อไร่ เปรียบเทียบกับการปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ ถือว่า ข้าวสีพันธุ์นี้ให้ผลผลิตสูงกว่า 10-15% 

หากใครต้องการสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้าวสีพันธุ์ใหม่นี้ สามารถพูดคุยเพิ่มเติมกับนักวิจัยได้ที่ ภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทร. 02-579-3130 หรือติดต่อ ศาสตราจารย์ ดร.วีรชัย ทางเบอร์โทร. 086-042-5250 ในวันและเวลาราชการ

อ่านเพิ่มเติม : https://www.technologychaoban.com/agricultural-technology/article_268130

พืชที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เทคโนโลยีชาวบ้านนำมาเสนอให้กับแฟนๆ ได้ติดตามเทรนด์เกษตรประจำเดือนมกราคม แค่เดือนแรกของปียังมีอะไรที่น่าสนใจมากมาย รวมไปถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ที่กำลังจะมาช่วยให้เกษตรกรทุ่นแรง เดือนต่อไปจะมีอะไรน่าสนใจ ต้องติดตาม

#Technologychaoban #เทคโนโลยีชาวบ้าน #พืชสายพันธุ์ใหม่ #เทรนด์2024 #ปลูกพืช